โพลซีอีโอโลกรับมือ ศก. ดิ่ง คาดรายได้ปี 62 ชะลอตัว

>>

ซีอีโอทั่วโลกคาดเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มเติบโตลดลง กดรายได้ต่ำยาว 3 ปี สั่งเบรกการลงทุนตรงในต่างประเทศ พร้อมดึงเอไอเข้าเปลี่ยนแปลงธุรกิจ

นายศิระ อินทรกำธรชัย ประธานกรรมการบริหาร และหุ้นส่วนบริษัท พีดับบลิวซี ประเทศไทย เปิดเผยผลสำรวจผู้บริหารระดับสูง (ซีอีโอ) ทั่วโลก 1,378 คน ครอบคลุมกว่า 30 อุตสาหกรรมชั้นนำ โดย 48% มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 3.1 หมื่นล้านบาท ระหว่างเดือน ก.ย.-ต.ค. 2561 ที่ผ่านมา ของบริษัท พีดับบลิวซี โกลบอล ว่า มีซีอีโอถึง 28% คาดว่าเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มจะเติบโตลดลง ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากจากปี 2561 ที่มีผู้ตอบแบบสอบถามเพียง 5% ที่มองว่าเศรษฐกิจโลกจะลดลง

ขณะที่ความเห็นของซีอีโออาเซียนมีถึง 46% ที่คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะเติบโตลดลง โดยคนที่เห็นว่าเศรษฐกิจจะลดลงเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีเพียง 10%

ทั้งนี้ ซีอีโอทั่วโลก 36% คาดว่าแนวการเติบโตของรายได้ทั้งระยะสั้นและระยะกลาง 12 เดือนข้างหน้าจะลดลง และ 35% มองว่าความเชื่อมั่นต่อการเติบโตของรายได้ 3 ปีข้างหน้าจะลดลง

ปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อการเติบโตและรายได้ ประกอบด้วย ความขัดแย้งทางการค้า 83% และความไม่แน่นอนทางภูมิศาสตร์การเมือง 81% แต่เนื่องจากการสำรวจนี้ทำก่อนที่ประเทศต่างๆ จะมีการกำหนดการเลือกตั้ง เชื่อว่าวันนี้ความกังวลดังกล่าวจะลดลง ความไม่แน่นอนของนโยบาย กฎระเบียบข้อบังคับที่มากและเข้มงวดเกินไป และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก

"จากความกังวลเรื่องสงครามทางการค้าทำให้ธุรกิจได้รับมือด้วยการบริหารห่วงโซ่อุปทานและจัดหาวัตถุดิบ หันไปเติบโตในตลาดต่างประเทศ มีการย้ายฐานการผลิตไปยังตลาดทางเลือก ชะลอแผนการลงทุนโดยตรงในต่างประเทศ และชะลอการใช้จ่าย" นายศิระ กล่าว

นายศิระ กล่าวว่า กลยุทธ์ที่ธุรกิจระดับโลกและในอาเซียนใช้ในการขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจในปี 2562 ให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน การเติบโตตามปกติ เปิดตัวผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ หาพันธมิตรทางกลยุทธ์ใหม่หรือการร่วมทุน และขยายสู่ตลาดใหม่

นอกจากนี้ สิ่งที่ซีอีโอทั่วโลกเห็นตรงกันคือ การนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ เข้ามาช่วยเปลี่ยนแปลงการทำธุรกิจได้อย่างมีนัยสำคัญในอีก 5 ปีข้างหน้า แต่ยังไม่ตื่นตัวในการพัฒนาหรือลงทุนเพื่อนำเอไอเข้ามาประยุกต์ใช้ในการทำงานอย่างจริงจัง เพราะแรงงานมีความรู้ไม่เพียงพอในการใช้งานเอไอ จำเป็นต้องเร่งพัฒนาทักษะเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยเฉพาะเอไอ

ทั้งนี้ ประเทศที่น่าสนใจลงทุนที่สุด ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน ส่วนในอาเซียน ไทยอยู่อันดับ 8 อันดับเท่ากับสิงคโปร์ ญี่ปุ่น เป็นรองอินโดนีเซีย เวียดนาม เมียนมา เพราะมีประชากรจำนวนมาก