“บลจ.กรุงศรี”...ปลื้มปี18 เติบโต 8.5% สูงกว่าอุตสาหกรรม ตั้งเป้าปี19 ปั้น AUM ทะยานแตะ 5.3 แสนล้านบาท นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกความต้องการ พร้อมขยายฐานลูกค้าใหม่ควบคู่กับการพัฒนาระบบออนไลน์ ชี้หุ้นไทยยังน่าสนใจกว่าเพื่อนบ้าน คาดปีนี้ดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,550-1,830 จุด ไม่ห่วงปัจจัยการเมือง แนะจับตาปัจจัยเสี่ยงจากต่างประเทศเป็นหลัก
น.ส.ศิริพร สินาเจริญ กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงศรี จำกัด เปิดเผยว่า ปี2019 บริษัทตั้งเป้าเพิ่มสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) เป็น 5.3 แสนล้านบาท โดยมุ่งเน้น 3 กลยุทธ์หลัก คือ
- การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง
- การผนึกกำลังร่วมกับกลุ่มกรุงศรีและ MUFG เพื่อขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ๆในวงกว้าง
- การพัฒนาเพื่อมอบประสบการณ์การลงทุนที่ดีให้กับลูกค้า
( ศิริพร สินาเจริญ )
“ในปี2019 บริษัทมีแผนที่จะเปิดให้บริการออนไลน์เพิ่มมากขึ้น เช่น การเปิดบัญชีออนไลน์ บริการ Mobile Application และบริการ Robo Advisor ในส่วนของกองทุนรวม เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมให้กับผู้ลงทุน และแนะนำการลงทุนที่ตอบโจทย์ความต้องการรายบุคคล รวมถึงมุ่งเน้นการพัฒนา Mobile Application ในส่วนของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ นอกเหนือจากให้บริการชำระค่าซื้อกองทุนด้วย QR Code และการพัฒนาเว็บไซต์ภาษาญี่ปุ่นที่เน้นข้อมูลในส่วนของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ได้เปิดให้บริการในปี2018 ที่ผ่านมา”
ในปี2018 ที่ผ่านมานั้น บริษัทมีการเติบโตอย่างโดดเด่นเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมและบลจ.ขนาดใหญ่ 10 อันดับแรก โดยบริษัทมี AUM จบสิ้นปีที่ 5.03 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.5% ในขณะที่การเติบโตเฉลี่ยของอุตสาหกรรมและ บลจ.ขนาดใหญ่10 อันดับแรกอยู่ที่ 3.4% และ 3.1% ตามลำดับ โดย บลจ.กรุงศรี มีการเติบโตเพิ่มขึ้นในทุกประเภทธุรกิจ ทั้งในส่วนกองทุนรวมโต กองทุนส่วนบุคคล และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
ด้านผลการดำเนินงานกองทุนของบริษัท มีกองทุนที่มีผลการดำเนินงานดีที่สุด (Top Quartile) จำนวน 18 กองทุน ครอบคลุมทั้งในประเภทกองทุนตราสารหนี้ กองทุนหุ้น กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมต่างประเทศ จากผลการดำเนินงานกองทุนที่ดีอย่างสม่ำเสมอส่งผลให้บริษัทมียอดเงินลงทุนสุทธิในปี18 ทั้งสิ้น 26,215 ล้านบาท สูงสุดในอุตสาหกรรม
ส่วนแบ่งตลาดและอันดับในอุตสาหกรรม
ประเภทธุรกิจ |
ส่วนแบ่งตลาด |
อันดับในอุตสาหกรรม |
กองทุนรวม | 7.1% | 6 |
กองทุนส่วนบุคคล | 11.4% | 3 |
กองทุนสำรองเสี้ยงชีพ | 3.6% | 9 |
ภาพรวม | 7.2% | 5 |
ที่มา : www.aimc.or.th
“บริษัทเตรียมออกกอง KFSUPER มาตอบโจทย์การสร้างความมั่งคั่ง ระหว่างวันที่ 11-20 มี.ค. นี้ มาเติมเต็มกองทุนในซีรีย์กลุ่ม KFHAPPY และ KFGOOD”
นางสุภาพร ลีนะบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มการลงทุน บลจ.กรุงศรี จำกัด กล่าวว่า บริษัทมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนในตลาดหุ้นระยะกลางถึงยาว แม้ว่าในระยะสั้นดัชนีตลาดหุ้นไทย อาจมีความผันผวนและมีแนวโน้มเคลื่อนไหวตามกระแสเงินลงทุนต่างชาติและปัจจัยภายนอกประเทศอยู่บ้าง แต่ตลาดหุ้นไทยยังเป็นที่น่าสนใจลงทุนเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดอื่นๆ ในภูมิภาค โดยมีสัดส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) ปี19 อยู่ที่ 15.0 เท่า
ขณะที่อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ อยู่ที่ 15.5 เท่า และ 16.3 เท่า ตามลำดับ ด้านอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลของไทยอยู่ที่ 3.2% ซึ่งสูงกว่าอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์เช่นกัน ในระยะกลางถึงยาวการลงทุนในตลาดหุ้นไทยยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากอัตราดอกเบี้ยไทยที่มีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยที่ยังคงแข็งแกร่ง การลงทุนภาคเอกชนที่มีแนวโน้มขยายตัวหลังการเลือกตั้ง และผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนฯ ที่มีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
“บริษัทประเมินตลาดหุ้นไทยในปี2019 เคลื่อนไหวในกรอบ 1,550-1,830 จุด โดยปัจจัยเรื่องการเมืองในประเทศไม่ได้กังวลอะไร ปัจจัยเสี่ยงหลักที่ห่วงจะเป็นจกปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก ทั้งท่าทีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่คาดเดายาก สงครามการค้าที่อาจจะกลับมาเป็นปัจจัยลบได้อีกครั้งหากเจรจาไม่คืบหน้า รวมถึงการปรับเปลี่ยนแนวนโยบายการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) เป็นต้น หากท่าทีเปลี่ยนไปเหล่านี้ก็พร้อมจะกลับมาเป็นปัจจัยลบที่กระทบต่อหุ้นโลกและหุ้นไทยได้เช่นกัน”
( สุภาพร ลีนะบรรจง )
สำหรับปี19 บริษัทแนะนำพอร์ตเป็นหุ้น 60% (หุ้นไทย 35% ,หุ้นตลาดพัฒนาแล้ว 15% ,หุ้นตลาดเกิดใหม่ 10%) ตราสารหนี้ 35% (ตราสารหนี้ไทย 25% ,ตราสารหนี้ต่างประเทศ 10%) และการลงทุนทางเลือก 5% (ทองคำ 5%) โดยผลตอบแทนคาดหวังอยู่ที่ประมาณ 7%