คณะกรรมการการเลือกตั้งของอินโดนีเซีย ส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังมีการร้องเรียนว่าพบบัตรเลือกตั้งของอินโดนีเซียราว 40,000-50,000 ใบซึ่งลงคะแนนให้กับประธานาธิบดี โจโก วิโดโด และพันธมิตรเรียบร้อยแล้ว อยู่ในถุงเมล์ทางการทูตถูกทิ้งอยู่ในบ้านสองหลังที่มาเลเซีย ก่อให้เกิดความกังขาถึงความโปร่งใสในการเลือกตั้งทั่วไปที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 17 เม.ย.นี้
( บัตรเลือกตั้งบางส่วนที่พบในบ้านที่เมืองบันดาร์ บารู บางี )
ชาวอินโดนีเซียที่อาศัยอยู่ในมาเลเซียเกือบ 1 ล้านคน มีกำหนดออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งนอกราชอาณาจักรในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ โดยบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าถูกส่งไปยังมาเลเซียตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว แต่ล่าสุดก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เชื่อว่าจะมีการโกงการเลือกตั้งเกิดขึ้นกับบัตรเลือกตั้งเหล่านั้น
ยาซา อัซซาฮารา อัลยานา ประธานคณะกรรมการตรวจตราการเลือกตั้งประจำกรุงกัวลาลัมเปอร์ของอินโดนีเซีย เผยว่า พบถุงเมล์ทางการทูตใส่บัตรเลือกตั้งของอินโดนีเซียหลายถุงในบ้านสองแห่งในรัฐสลังงอร์ของมาเลเซีย คือ ใกล้กับมหาวิทยาลัยตามันในเมืองกาลัง และเมืองบันดาร์ บารู บางี ซึ่งหากจากบ้านหลังแรกราว 15 นาที
บัตรเลือกตั้งราว 40,000-50,000 ใบเหล่านี้มีการลงคะแนนให้กับประธานาธิบดีวิโดโด หรือไม่ก็นักการเมืองที่อยู่ฝ่ายเดียวกัน หนึ่งในนั้นคือ มารุฟ อามิน นักวิชาการศาสนาอิสลามผู้ทรงอิทธิพล และยังมีบางส่วนที่ยังไม่ได้ลงคะแนนบรรจุอยู่ในถุงสีน้ำตาลที่มีกุญแจของคณะกรรมการการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรอยู่ด้วย
( เจ้าหน้าที่กำลังจัดเตรียมบัตรและอุปกรณ์การเลือกตั้งในกรุงจาการ์ตา ภาพ : BAY ISMOYO/AFP )
ความผิดปกติกับบัตรเลือกตั้งครั้งนี้เกิดขึ้นไล่เลี่ยกับข้อกล่าวหาของ ปราโบโว สุเบียนโต ผู้สมัครชิงเก้าอี้ผู้นำคู่แข่งของประธานาธิบดีวิโดโดว่า แม้แต่คนที่เสียชีวิตไปแล้วก็ปรากฏในรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งด้วย ทำให้สุเบียนโตประกาศกร้าวว่าหากตัวเองแพ้การเลือกตั้งจะขอให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ
หลังจากได้รับเรื่องร้องเรียน คณะกรรมการการเลือกตั้งอินโดนีเซียได้สั่งระงับการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรในมาเลเซียทันที ขณะที่ อาร์ยา เฟอร์นันเดซ นักวิจัยจากสถาบันวิจัยนโยบายการต่างประเทศและยุทธศาสตร์ มองว่าการพบบัตรเลือกตั้งที่มีการลงคะแนนไว้ล่วงหน้าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีของอินโดนีเซียมากนัก
“ผลกระทบอาจไปตกอยู่กับคณะกรรมการการเลือกตั้งในแง่ของความเป็นมืออาชีพ ผมคิดว่านี่เป็นบททดสอบของคณะกรรมการการเลือกตั้งในการจัดการเลือกตั้งให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงและโปร่งใส ส่วนผลกระทบกับผู้สมัครอาจมีไม่มาก” เฟอร์นันเดซกล่าว
