Hightlight
- บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC ระบุว่าขณะนี้คณะทำงานอยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ไขปัญหาของบริษัทฯ โดยเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงบอร์ดบริหารในบริษัทย่อยกว่า 16 บริษัท เพื่อให้มีอำนาจเข้าบริหารและจัดการปัญหาได้อย่างเต็มที่
- สืบเนื่องจากการเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในบริษัทย่อยเมื่อช่วงกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา พบว่ามีปัญหาที่ถูกซุกซ่อนไว้มากมาย
- การปกป้องสินทรัพย์ที่อยู่ภายใต้ IFEC นั้นเป็นหน้าที่สำคัญที่คณะกรรมการทุกคนคำนึงถึง โดยมองว่าการเข้าพิทักษ์สิทธิและรักษาสินทรัพย์ของบริษัท จะเป็นทางออกหนึ่งที่จะช่วยฟื้นฟูธุรกิจโดยรวมได้ในอนาคต
นายทวิช เตชะนาวากุล ในฐานะผู้ถือหุ้นอันดับหนึ่งและ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะทำงานอยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ไขปัญหาของบริษัท โดยเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงบอร์ดบริหารในบริษัทย่อยกว่า 16 บริษัทแล้ว เพื่อให้มีอำนาจเข้าบริหารและจัดการปัญหาได้อย่างเต็มที่
โดยบอร์ดชุดใหม่ซึ่งประกอบไปด้วยผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญทั้งด้านการเงิน การบริหาร หรือด้านกฎหมาย ต่างช่วยกันระดมกลยุทธ์ เพื่อหาทางออกให้กับบริษัทอย่างเร็วที่สุด คณะทำงานทุกคนมีความมุ่งมั่นและตั้งใจจะเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาในทุกๆ ด้าน หากแต่การดำเนินการในแต่ละขั้นตอนนั้นไม่สามารถปฏิบัติได้ภายในวันเดียว เพราะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดและระยะเวลาของแต่ละสถาบัน ทั้งต้องกลั่นกรองวิธีการทำงานอย่างละเอียดอย่างรอบคอบ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายแม้เพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ต่อบริษัท และกลุ่มผู้ถือหุ้นที่ได้รับความบอบช้ำมามากแล้ว
และสืบเนื่องจากการเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในบริษัทย่อย เมื่อช่วงกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา พบว่ามีปัญหาที่ถูกซุกซ่อนไว้มากมาย ทั้งเอกสารหลักฐานหลายชิ้นยังถูกทำลาย เพื่อปกปิดการทำธุรกรรมต่างๆ ของกลุ่มเก่า ทั้งนี้แต่ละบริษัทย่อยกำลังเร่งดำเนินการเปลี่ยนกรรมการซึ่งใกล้แล้วเสร็จ เมื่อเรียบร้อยคณะบริหารชุดใหม่ในแต่ละบริษัทย่อย จะเข้าตรวจสอบและดำเนินการแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน
ด้านการปกป้องสินทรัพย์ที่อยู่ภายใต้ IFEC นั้นเป็นหน้าที่หลักอันสำคัญยิ่ง ที่คณะกรรมการทุกคนคำนึงถึง โดยมองว่าการเข้าพิทักษ์สิทธิและรักษาสินทรัพย์ของบริษัท จะเป็นทางออกหนึ่งที่จะช่วยฟื้นฟูธุรกิจโดยรวมได้ในอนาคต ซึ่งจะมีวิธีการดำเนินการที่แน่ชัดแจ้งความคืบหน้าให้ผู้ถือหุ้นทราบอย่างแน่นอน
“สำหรับข้อกังขาเกี่ยวกับความคืบหน้าในการดำเนินการ หรือผลประโยชน์ทับซ้อนที่บางคนพยายามโยงมาถึงผม มองว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับมุมมองที่หากเป็นคนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหา IFEC อาจคิดไปเองได้ แต่อย่าลืมว่าผมเป็นผู้ถือหุ้นคนหนึ่งเช่นกัน ชื่อและเงินของผมก็อยู่ในบริษัท ความเสียหายที่ทุกคนได้รับ ผมได้รับเยอะไม่แพ้ใคร ฉะนั้นไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมจะต้องตั้งใจดึงเรื่องให้ช้า เพื่อให้เกิดความเสียหายกับตัวเองเพิ่มมากขึ้น สุดท้ายถ้าบริษัทไปต่อไม่ได้ผมก็เสีย ผมและบอร์ดต่างรับฟังความเห็นและข้อเสนอแนะจากรอบด้านรวมทั้งความเห็นจากกลุ่มผู้ถือหุ้น แต่อยากขอเวลาในการปฏิบัติงานเช่นกัน ซึ่งในหลายๆจุด เราคิดว่ามีแนวโน้มไปในทางที่ดีขึ้น” นายทวิชกล่าว