“บล.โกลเบล็ก” ลุ้นหุ้นไทยไปต่อ แนะลงทุนหุ้นได้อานิสงส์บาทแข็ง 

>>

Highlight        

  • บล.โกลเบล็ก มองหุ้นไทยขาขึ้น ตอบรับผลการประชุมนอกรอบ G20  สหรัฐ-จีนออกมาในทิศทางที่ดี
  • ขณะที่กระทรวงคลังเตรียมหารือรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อรอบใหม่ แนะจับตาเศรษฐกิจหวั่นการชะลอตัวหลังรายงานตัวเลขเศรษฐกิจหลายกลุ่มลดลง  
  • ให้กรอบดัชนี 1,730-1,765 จุด และแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากค่าเงินบาทแข็ง          

 

 

.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยตอบรับปัจจัยบวกจากในประเทศและต่างประเทศ หลังจากการเจรจานอกรอบระหว่างผู้นำสหรัฐและจีนออกมาในทางที่ดี โดยสหรัฐประกาศจะไม่เพิ่มการเก็บภาษีรอบใหม่กับสินค้าส่งออกของจีนมูลค่า 300,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และอนุญาตให้บริษัทในสหรัฐให้บริการและซื้อขายกับ Huawei อีกครั้ง

 

ส่วนตัวเลขเงินเฟ้อที่ออกมาสนับสนุนการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป โดยตัวเลชดัชนี CPI ในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ขยายตัวเฉลี่ย 0.92% ส่งผลให้กระทรวงพาณิชย์ปรับลดเป้าเงินเฟ้อปี 2562 เหลือโต 1% ในกรอบ 0.7-1.3% จากเดิม 1.2% กรอบ 0.7-1.7% และกระทรวงการคลังเตรียมมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นผู้บริโภครอบใหม่ โดยเร่งจัดทำข้อมูลเสนอรัฐบาลใหม่เบื้องต้นมีงบประมาณ 1 แสนล้านบาท

 

ส่วนปัจจัยลบที่ยังคงกดดันการลงทุนในระยะนี้ เช่น การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน จากการเปิดเผยดัชนี PMI ภาคบริการเดือนมิ.ย. อยู่ที่ระดับ 54.2 ลดลงจากเดือนพ.ค. ซึ่งอยู่ที่ระดับ 54.3 ขณะที่ PMI ภาคการผลิตเดือนมิ.ย. ทรงตัวจากพ.ค. ที่ระดับ 49.4 ดัชนีต่ำกว่า 50 บ่งถึงชี้ภาวะหดตัว และค่าเงินบาทแข็งค่าทำสถิติใหม่แข็งค่าที่สุดในรอบ 6 ปี กดดันอัตราการเติบโตของการส่งออกไม่เติบโตตามเป้าหมายของกระทรวงพาณิชย์ ขณะที่หลายสำนักวิจัยคาดจะเห็นมูลค่าส่งออกหดตัว

 

นอกจากนี้ยังคงต้องจับตาในวันที่ 1- 2 ก.ค. ทางกลุ่มโอเปก และประเทศนอกกลุ่มโอเปกประชุม หารือเกี่ยวกับการขยายเวลาปรับลดการผลิต ส่วนในวันที่ 2 ก.ค. อียูเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ค. และวันที่ 3 ก.ค. จีนเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนมิ.ย. ทางด้านสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนมิ.ย. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ยอดนำเข้ายอดส่งออกและดุลการค้าเดือนพ.ค. ดัชนีภาคบริการ คำสั่งซื้อภาคโรงงาน และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์

 

ด้านนายสรรพกัณฑ์ ปัทมบริสุทธิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก  กล่าวว่า  ทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มปรับขึ้นหลังผลการประชุมนอกรอบการประชุมกลุ่มประเทศ G20 ระหว่างผู้นำสหรัฐและจีนออกมาในทิศทางที่ดี  คาดดัชนี SET จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ  1,730-1,765 จุด  จึงแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทแข็ง ประกอบด้วย

  • TASCO
  • TOA
  • PTTEP
  • TOP
  • EGCO
  • HARN 

 

รวมทั้งหุ้นที่ได้ประโยชน์จากสหรัฐเลิกแบนหัวเว่ย เช่น  SYNEX และหุ้นน่าลงทุน Theme EEC play ประกอบด้วย

 

  • AMATA
  • WHA
  • WHAUP
  • WHART
  • EASTW
  • ATP30
  • ORI

 

การลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย 

 

สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า สำหรับราคาทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวขึ้น  20 ดอลลาร์ โดยทองคำได้รับความสนใจในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามในคำสั่งคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่ เพื่อตอบโต้อิหร่านที่ยิงโดรนของกองทัพสหรัฐตก

 

อย่างไรก็ตามทองคำลดช่วงบวกลงจากที่นายพาวเวลไม่ได้ส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่สภาวิเทศสัมพันธ์ในกรุงนิวยอร์ก อีกทั้งประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ ได้แสดงความเห็นคัดค้านการที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนก.ค. นอกจากนี้นักลงทุนได้เข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้นหลังสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน เริ่มผ่อนคลายขึ้นในการประชุมนอกรอบของการประชุม G20

 

ดังนั้นคาดการณ์ราคาทองคำในสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ  1,365- 1,410 ดอลลาร์ โดยหากสามารถสร้างฐานได้เหนือ 1,365 ดอลลาร์ มองเป็นจังหวะเข้าซื้อเพื่อลงทุนเก็งกำไรเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมปลายเดือนก.ค.นี้ ซึ่งทาง Bloomberg คาดการณ์ว่าเฟดมีโอกาส 84.5% ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 2.25%