ผู้บริหาร IVL ย้ำอิบิทด้าปีนี้ราว 1.5 พันล้านเหรียญฯ

>>

Hightlight

  • บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL ได้ยืนยันเป้าหมายกำไรหลักก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (Core EBITDA) ปี 2562 ของบริษัท ที่ประมาณ 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ และเทียบเท่ากับกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน (Operating Cashflow)
  • ส่วนกรณีความขัดแย้งทางการค้าที่เกิดขึ้นในตลาดโลกนั้นส่งผลกระทบน้อยมากต่อไอวีแอล เนื่องจากโรงงานผลิตของบริษัทกระจายอยู่ทั่วโลก        
  • บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ได้แนะนำให้ถือหุ้น IVL ถึงแม้แนวโน้มระยะยาวของตลาด PET จะคงตัว แต่ก็ยังได้รับแรงกดดันจากผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ที่มากขึ้น เราได้คำนวณมูลค่าที่เหมาะสมหุ้นที่ 47 บาทต่อหุ้น จาก 50 บาทต่อหุ้น



นายโซวิค รอย เชาว์ดูรี่ เลขานุการบริษัท บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL ได้ยืนยันเป้าหมายกำไรหลักก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (Core EBITDA) ปี 2562 ของบริษัท ที่ประมาณ 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ และเทียบเท่ากับกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน (Operating Cashflow) ส่วนกรณีความขัดแย้งทางการค้าที่เกิดขึ้นในตลาดโลกนั้นส่งผลกระทบน้อยมากต่อไอวีแอล เนื่องจากโรงงานผลิตของบริษัทกระจายอยู่ทั่วโลก


สำนักวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ได้แนะนำ ให้ “ถือ” หุ้น IVL ถึงแม้แนวโน้มระยะยาวของตลาด PET จะคงตัว แต่ก็ยังได้รับแรงกดดันจากผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ที่มากขึ้น โดยได้คำนวณมูลค่าที่เหมาะสมหุ้นที่ 47 บาทต่อหุ้น จาก50บาทต่อหุ้น


ทางบล.ทิสโก้ชอบ PET มากกว่าผลิตภัณฑ์เคมีอื่นๆ เพราะเรามองว่า มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำแม้ในช่วงที่ตลาดปรับตัวลดลง ทั้งนี้เราก็ไม่คาดหวังว่าตลาดจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน เนื่องจากผลกระทบจากสงครามการค้า และดีมานด์ที่ถูกกดดัน และเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง ซึ่งยังดูดีกว่ากรดเทเรฟทาลิก (PTA) ที่ได้รับแรงกดดันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสรุปเราคาดว่าอัตรากำไรของ PET สำหรับ IVL จะอยู่ที่ 263 ดอลลาร์/ตัน และ 312 ล้านดอลลาร์/ตันในปี 2562-2563 จากเดิมอยู่ที่ 307 ดอลลาร์/ตัน เมื่อปี 2561 


รวมทั้งคาดว่าสัดส่วน EBITDA จากผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์จะลดลงเป็น 6% และ 8% ในปี 2562-2563 จากเดิมที่ 16% ขณะเดียวกันอัตรากำไรของเอทิลีนไกลคอล (MEG) จะลดเป็น 126 เหรียญสหรัฐ/ตัน และ 59 เหรียญสหรัฐ/ตัน ในปี 2562 และ 2563 ตามลำดับ ทั้งนี้คาดว่าอุปทานของ MEG จะเพิ่มขึ้นสามปีต่อจากนี้ โดยเฉพาะในเอเชีย และอัตรากำลังการผลิตของ MEG จะลดลงจาก 89% ในปี 2018 เป็น 85% ในปีหน้า 



คาดผลประกอบการจะลดลงในระยะสั้น

 

มองว่าตลาดมีมุมมองในเชิงบวกต่อ IVL มากเกินไป ขณะที่เราคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 2/2562 จะออกมาผิดหวัง ในขณะที่การดำเนินงานจะกลับเป็นปกติหลังจากการปิดปรับปรุง คาดว่า IVL จะมีผลขาดทุนจากสต็อคจำนวนมาก และในด้านต้นทุน MEG และ PX จะปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อน ทำให้ผลประกอบการของ IVL ในช่วงไตรมาส 2 อยู่ที่ 3.8 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาส 1/2561 แต่ลดลง 54% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะฉะนั้นจึงปรับประมาณการลง 13 – 21% ในปี 2562-2563 จากสมมติฐานราคาที่ลดลง