ธนาคารแห่งประเทศไทยเผยเศรษฐกิจไทย พ.ย. ขยายตัวต่อเนื่องจากบริโภค-ลงทุนเอกชนเป็นปัจจัยหนุนหลัก ท่องเที่ยวฟื้น แม้ส่งออกทรงตัว

>>

น.ส.พรเพ็ญ สดศรีชัย ผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนพฤศจิกายน 2561 ขยายตัวจากเดือนก่อน โดยการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวต่อเนื่อง ส่งผลให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวตาม การลงทุนภาคเอกชนขยายตัวต่อเนื่องเช่นกัน

สำหรับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศกลับมาขยายตัว แม้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนยังหดตัว ด้านการส่งออกสินค้าทรงตัว ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐหดตัวเล็กน้อย จากรายจ่ายลงทุนเป็นสำคัญ

ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปชะลอลงตามราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน สำหรับอัตราการว่างงานที่ปรับฤดูกาลทรงตัวจากเดือนก่อน ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลลดลงตามดุลการค้าเป็นสำคัญ ขณะที่ดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายขาดดุลสุทธิ

เครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวต่อเนื่องจากระยะเดียวกันปีก่อน แม้ชะลอลงบ้างเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวสูง โดยเป็นการขยายตัวในทุกหมวดการใช้จ่าย สำหรับปัจจัยสนับสนุนกำลังซื้อโดยรวมปรับลดลงเล็กน้อย โดยรายได้ครัวเรือนในภาคเกษตรกรรมหดตัวจากทั้งด้านราคาและด้านผลผลิตที่ปรับลดลงจากปัญหาฝนทิ้งช่วงในบางพื้นที่ โดยเฉพาะผลผลิตข้าวหอมมะลิขณะที่รายได้รวมลูกจ้างนอกภาคเกษตรกรรมทรงตัว ทั้งนี้ การบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวส่งผลให้การผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวสอดคล้องกัน โดยเฉพาะการผลิตในหมวดยานยนต์ และหมวดผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม สอดคล้องกับยอดจำหน่ายยานยนต์ในประเทศที่ขยายตัวดี

เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อน จากเครื่องชี้การลงทุนในหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ ตามการนำเข้าสินค้าทุนของภาคเอกชน โดยเฉพาะการนำเข้าเครื่องจักรเพื่อใช้ในการตรวจสอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตามการย้ายฐานการผลิตของธุรกิจฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์มายังไทยในช่วงก่อนหน้า ยอดจำหน่ายเครื่องจักรในประเทศ และยอดจดทะเบียนรถยนต์เพื่อการลงทุน ขณะที่เครื่องชี้การลงทุนในหมวดก่อสร้างหดตัวตามพื้นที่ได้รับอนุญาตก่อสร้าง แต่ยอดจำหน่ายวัสดุก่อสร้างยังขยายตัวดี ทั้งนี้ในภาพรวมเครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนที่ปรับฤดูกาลแล้ว เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนจากการลงทุนในหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์เป็นสำคัญ

จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศขยายตัวที่ 4.5% จากระยะเดียวกันปีก่อน ตามการขยายตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวเกือบทุกตลาดสำคัญ อาทิ นักท่องเที่ยวอาเซียน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวมาเลเซีย ส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐานต่ำในปีก่อน จากการปราบปรามรถนำเที่ยวผิดกฎหมาย นักท่องเที่ยวฮ่องกง และอินเดียขยายตัวดีตามการเปิดเส้นทางบินมายังไทยเพิ่มเติม ประกอบกับได้รับผลดีจากมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียม visa on arrival ที่เริ่มมีผลเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2561 อย่างไรก็ดี จำนวนนักท่องเที่ยวจีนยังคงหดตัว ทั้งนี้ เมื่อปรับฤดูกาลแล้ว จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ตามจำนวนนักท่องเที่ยวมาเลเซีย อินเดีย และจีนเป็นสำคัญ โดยเฉพาะจีนที่จำนวนนักท่องเที่ยวปรับฤดูกาลเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน สะท้อนสัญญาณการปรับตัวที่ดีขึ้น

มูลค่าการส่งออกสินค้าทรงตัว 0.2% จากระยะเดียวกันปีก่อน และหากหักทองคำหดตัว 0.6% โดยการส่งออกสินค้าในหลายหมวดหดตัวจาก 1) ผลของฐานสูงจากระยะเดียวกันปีก่อน อาทิ ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ที่ผู้ผลิตมีการใช้กำลังการผลิตเต็มที่ในปีก่อน โทรศัพท์มือถือจากการเหลื่อมเดือนของการเปิดตัวโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ ยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์จากการเร่งส่งออกรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไปฟิลิปปินส์ก่อนปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตรถยนต์ในช่วงต้นปี 2561 และสินค้าเกษตรโดยเฉพาะข้าว จากการส่งออกไปยังประเทศที่ได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติในช่วงเดียวกันปีก่อน 2) ผลของมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ประกอบกับวัฎจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และอุปสงค์ต่อรถยนต์ในจีนชะลอตัว ส่งผลให้การส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และยางพาราไปจีนหดตัว

"การส่งออกในเดือน พ.ย.ได้รับผลจากสงครามการค้า และราคาน้ำมันที่ปรับลดลงทำให้มูลค่าส่งออกลดลงด้วย ซึ่งทุกอย่างเป็นตามไปที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประเมินไว้ แต่คาดว่าเศรษฐกิจในเดือน ธ.ค.จะมีแนวโน้มดีขึ้น โดยผลกระทบจากสงครามการค้ามีความผ่อนคลาย ทำให้ไตรมาส 4/2561 จะขยายตัวได้ดีกว่าไตรมาส 3/2561 ที่ขยายตัว 3.3% ส่วนทั้งปีจะขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ 4.2% หรือไม่ จะต้องขอดูตัวเลขในเดือน ธ.ค.อีกครั้ง"น.ส.พรเพ็ญ ระบุ

อย่างไรก็ดี การส่งออกสินค้าที่มูลค่าเคลื่อนไหวตามราคาน้ำมันดิบขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม เคมีภัณฑ์ และปิโตรเคมี ทั้งนี้ การส่งออกไปสหรัฐฯ เร่งขึ้นในเดือนนี้จากการส่งออกยางล้อรถยนต์เป็นสำคัญ รวมทั้งเริ่มเห็นผลดีจากการทดแทนสินค้าจีนในตลาดสหรัฐฯ ในบางกลุ่มสินค้า

มูลค่าการนำเข้าสินค้าขยายตัวสูงต่อเนื่องที่ 16.2% จากระยะเดียวกันปีก่อน และหากหักทองคำขยายตัว 19.4% โดยเป็นการขยายตัวในหลายหมวดสินค้า ได้แก่ 1) หมวดวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลาง ตามการนำเข้าน้ำมันดิบ เคมีภัณฑ์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และโลหะ 2) หมวดสินค้าทุน ตามการนำเข้าหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ สอดคล้องกับการขยายตัวของการลงทุนภาคเอกชน 3) หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค ขยายตัวตามการนำเข้าทั้งหมวดสินค้าไม่คงทนและสินค้าคงทน สอดคล้องกับการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัว และ 4) หมวดยานยนต์และชิ้นส่วน ตามการนำเข้ารถยนต์นั่งและชิ้นส่วนยานยนต์ สอดคล้องกับยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ขยายตัวดี

การใช้จ่ายภาครัฐที่ไม่รวมเงินโอนหดตัวเล็กน้อยจากระยะเดียวกันปีก่อน ตามรายจ่ายลงทุนที่หดตัวจากผลของฐานสูงในปีก่อนที่มีการเบิกจ่ายเพื่อซื้ออากาศยานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และการเบิกจ่ายค่าก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ขณะที่รายจ่ายประจำขยายตัวจากรายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าและบริการเป็นสำคัญ

ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 0.94% ชะลอจาก 1.23% ในเดือนก่อน ตามราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศที่ลดลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปรับลดลงในหมวดที่มิใช่อาหารเป็นสำคัญ สำหรับอัตราการว่างงานที่ปรับฤดูการทรงตัวจากเดือนก่อน ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลลดลงตามดุลการค้าเป็นสำคัญ ขณะที่ดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายขาดดุลสุทธิจากด้านสินทรัพย์ ตามการนำเงินออกไปฝากในต่างประเทศเพื่อปรับฐานะเงินตราต่างประเทศ และการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศของสถาบันการเงินที่รับฝากเงิน (ODC) รวมถึงการลงทุนโดยตรงในต่างประเทศ (Thai Direct Investment : TDI) ของธุรกิจโฮลดิ้งและธุรกิจบริการทางการเงิน

ที่มา: www.bot.or.th/