"กกร."ห่วงบาทแข็งฉุดส่งออก'62 หลังเฟดส่งสัญญาณชะลอขึ้นดอกเบี้ย กระทบค่าดอลล์

>>

ภายหลังการประชุมสถาบันคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือกกร. (สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย) ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ที่ประชุมกกร.กล่าวถึงทิศทางเศรษฐกิจไทยในปี 2561 ว่าจะขยายตัวได้ที่ 4.1% โดยมองว่าเศรษฐกิจไตรมาส 4/2561 ถูกกระทบจากเรื่องส่งออก และการลงทุนภาครัฐ ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนภาคเอกชนยังรักษาระดับการเติบโตไว้ได้ดี และคาดว่าจะเป็นแรงหนุนเศรษฐกิจในปี 2562 ให้ขยายตัวได้ในกรอบ 4-4.3%


อย่างไรก็ตาม กกร. มีความเป็นห่วงเรื่องค่าเงินบาทที่ยังมีแนวโน้มแข็งค่าในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งหากเงินบาทยังคงแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการส่งออกของไทยในปี 2562 ด้วย โดยนับตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น 3.4% หรืออยู่ในระดับที่แข็งค่ามากสุดเป็นอันดับ 2 ในภูมิภาค เป็นรองค่าเงินรูเปียะห์อินโดนีเซียที่แข็งค่าขึ้น 3.7% ในช่วงเวลาเดียวกัน
 
ซึ่งการแข็งค่าของเงินบาทนี้ เป็นผลจากปัจจัยเงินดอลลาร์ฯ อ่อนค่า เพราะขาดแรงหนุน หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณชะลอขึ้นดอกเบี้ย ส่วนในด้านสงครามการค้าและเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มเติบโตชะลอลง คาดว่าจะยิ่งส่งผลให้การส่งออกของไทยในปีนี้ชะลอลงมาอยู่ในกรอบ 5-7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่ขยายตัว 6.7% ส่วนเครื่องชี้เศรษฐกิจอื่น ในด้านการการท่องเที่ยวประเมินจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยในปี 2562 เติบโตในอัตราที่ใกล้เคียงกับในปีที่แล้วที่ 7.5% ตามการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวในตลาดสำคัญ ประกอบกับการฟื้นตัวของกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน

นอกจากนี้แล้ว กกร. ขอเสนอแนวทางการดำเนินงานเพิ่มเติมเพื่อลดฝุ่นละออง PM 2.5 โดยให้ความรู้และคำแนะนำในการปฎิบัติตนเมื่อเข้าพื้นที่เสี่ยงผ่านสื่อทุกชนิด เพื่อให้ประชาชนเข้าใจ และเข้าถึงข้อมูลป้องกันฝุ่นละออง PM 2.5 โดยข้อมูลจะต้องออกจากแหล่งข้อมูลของรัฐบาลเพียงแหล่งเดียวเท่านั้น รวมถึงการขอความร่วมมือภาครัฐและภาคเอกชน ออกมาตรการป้องกันและบรรเทาฝุ่นที่เหมาะสมในที่ก่อสร้าง การขับเคลื่อนและผลักดันการใช้ไบโอดีเซลบี 20 ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ตลอดจนการออกนโยบายใช้รถไฟฟ้า (อีวี) และผลักดันรถสาธารณะเป็นรถอีวี