โบรกมองสัปดาห์นี้หุ้นแกว่งตัวในกรอบ1,637- 1,667จุด

>>

บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า ปัจจัยที่มีผลกับภาวะตลาดหุ้น นอกเหนือจากปัจจัยการเมืองในประเทศที่อุณหภูมิเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเข้าใกล้วัน เลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 24 มีนาคมนี้แล้ว ปัจจัยการเมืองโลกก็เป็นหนึ่งประเด็นที่ต้องติดตาม โดยเบื้องต้นเราประเมินว่าสหรัฐไม่เพียงแค่ต้องการให้จีนมีแผนสั่งซื้อสินค้าจากสหรัฐเพื่อลดยอดขาดดุล แต่ต้องการให้แสดงความเจตนาและแผนการระงับประเด็นการถ่ายโอนข้อมูลจากบริษัทสหรัฐที่ไปลงทุนในจีน รวมถึงการเข้มงวดเรื่องวิธิทางปัญญาขอสินค้าไอทีต่างๆ

 บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองว่า เงินบาทอ่อนค่าเร็วกว่าภูมิภาค สกุลเงินในเอเชียส่วนใหญ่อ่อนค่าเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จากดอลลาร์อินเด็กซ์ที่ฟื้นตัวกลับเพราะสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนดูจะยืดเยื้อ แต่เงินบาทดูจะอ่อนค่ามากสุด (เกือบ 1% อยู่ที่ 31.50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ) ส่วนหนึ่งเป็นเพราะแข็งค่าสุดในภูมิภาคมาตั้งแต่ต้นปี อีกส่วนน่าจะมาจากความสับสนในประเด็นการเมือง ซึ่งเป็นประเด็นที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แม้ว่าความกังวลนี้จะคลี่คลายไปแล้ว แต่เราคาดว่าเงินบาทจะอ่อนค่าอีกระยะ เพราะสถานการณ์ปัจจุบัน สะท้อนความเสี่ยงทางการเมืองที่สูงขึ้น

 บล.กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นแกว่งตัว 1,640 – 1,660 จุด เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุน ประกอบกับความกังวลภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวหลังตัวเลขเศรษฐกิจที่สําคัญประเทศขนาดใหญ่หดตัวลง อีกทั้งสหภาพยุโรป (อียู) ปรับลดคาดการณ์จีดีพีปีนี้และปีหน้าลง ความไม่แน่นอนของการประชุมเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนได้ทันก่อนเดดไลน์ รวมถึงภาวะการเมืองภายในประเทศที่ร้อนแรงขึ้นหลังมีกระแสข่าวการยุบพรรคไทยรักษาชาติ อย่างไรก็ตามคาดว่าจะได้แรงซื้อดักผลประกอบการและเงินปันผลปี 2562 ที่กําลังทยอยประกาศ

 บล.เอเชีย เวลท์ จำกัด มีมุมมองต่อตลาดหุ้นสัปดาห์ที่ผ่านมาแกว่งตัวในระดับ 1,637- 1,667 จุด แทบไม่เปลี่ยนแปลงจากสัปดาห์ก่อน เนื่องจากมีวันหยุดเทศกาลตรุษจีน และความกังวลในการเสนอชื่อผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองต่างๆ ในช่วงวันสุดท้ายของการเสนอขื่อ นอกจากนี้การประกาศผลการดำเนินงานของบจ.ในสัปดาห์นี้

บล.เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มองทิศทางตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ว่ามีประเด็นที่น่าสนใจคือ เรื่องเจรจาการค้าสหรัฐฯกับจีน ยังเดินหน้าต่อเป็นรอบที่ 3 โดยตัวแทนการค้าของสหรัฐ จะเดินทางไปเจรจากับจีนที่กรุงปักกิ่งในวันที่ 14-15 กุมภาพันธ์ถือเป็นประเด็นที่คลายความกังวลของนักลงทุนลงไปได้ หลังจากก่อนหน้านี้มีข่าวว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะยกเลิกการพบผู้นำจีน ขณะเดียวกันตลาดยังคาดการณ์ว่าผลของการเจรจาครั้งนี้ จะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นทั่วโลกซึ่งจะเห็นได้ว่าปัจจุบันยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าสหรัฐฯต้องการที่จะใช้มาตรการภาษีต่อจีนรอบใหม่ และอาจส่งผลดีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลกรวมถึงจะหนุนให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นด้วย