ดีลการควบรวมธนาคารทหารไทยกับธนาคารธนชาต เริ่มมีความคืบหน้ามากขึ้น โดยในวันที่ 13 กุมภาพันธ์นี้ ทางคณะกรรมการธนาคาร จะหารือกันในประเด็นนี้อีกครั้ง ซึ่งถ้าได้ข้อสรุปก็จะทำเอ็มโอยูเลยภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 หลังจากนั้นจะเป็นขั้นตอนการตรวจสอบสถานะทางธุรกิจของกระทรวงการคลัง ตลอดจนการนำเข้าสู่ที่ประชุมผู้ถือหุ้น จึงถือว่าดีลควบรวมกิจการสำเร็จ!

สำหรับการควบรวมธนาคารทั้ง 2 แห่ง แน่นอนว่าทำให้ธุรกิจมีความแข็งแกร่งขึ้นอย่างแน่นอน โดยสินทรัพย์ของธนาคารที่จะรวมกันนี้ ทางบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินว่าจะทำให้ TMB และ TCAP เป็นธนาคารที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 ของประเทศ มีมูลค่าตลาดรวม 5,155 ล้านบาท หนุนหุ้นกลุ่มธนาคารเป็นเซ็คเตอร์โดดเด่น จากเดิมที่กลุ่มธนาคารเป็นเสาหลักของเศรษฐกิจ และเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจไทยรอดพ้นวิกฤตต้มยำกุ้งมาได้

โดยรายละเอียดของหุ้นแต่ละตัว จะเสริมกันอย่างไรบ้าง ขอเริ่มที่ TMB หรือธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ก่อนสำหรับปี 2561 ที่ผ่านมา ธนาคารทหารไทยมีสินทรัพย์รวมของธนาคารทหารไทยและบริษัทย่อย ณ สิ้นปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 891,713 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5.7% รายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 48,042 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.3% มีกำไรสุทธิ 11,601.24 ล้านบาท ซึ่งในภาพรวมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน มีการบริหารจัดการดี ค่าใช้จ่ายลดลง ส่วนการตั้งสำรองรับมือกับความเสี่ยง ทั้งจากการบังคับใช้บัญชีใหม่ในปีนี้และการจัดการหนี้เสีย เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า โดยรวมธนาคารทหารไทยตั้งสำรอง 16,100 ล้านบาทที่ผ่านมา TMB เริ่มเห็นเค้ารางของการเปลี่ยนแปลง จากช่วงกลางปีที่ผ่านมา TMB ขายหุ้นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด สัดส่วน 65% ให้กับอีสท์สปริง บริษัทจัดการกองทุนในเครือพรูเด็นเชียล ซึ่งเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค ดีลนี้ยิ่งหนุน TMB ให้โดดเด่น

ด้วยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง บวกกับแนวคิด Get more with TMB ทำให้ผลิตภัณฑ์ด้าน “เงินฝาก” มีจุดเด่น โดยธนาคารทหารไทยสามารถขยายฐานเงินฝากได้ 6.2% โดยเฉพาะเงินฝาก No-fixed เติบโต 14.3% เงินฝาก Me save ซึ่งเป็นบัญชีเงินฝากบนดิจิทัลแพลตฟอร์ม เติบโต 11.5% และเงินฝาก All Free สำหรับลูกค้ารายย่อย ก็เติบโตดีที่ 3.9%

ส่วนการปล่อยสินเชื่อ ธนาคารทหารไทยยังค่อนข้างระมัดระวัง เนื่องจากห่วงคุณภาพพอร์ตในช่วงเศรษฐกิจยังกระจุกตัว แต่สินเชื่อก็ยังเติบโตได้ 6.6% หรือเพิ่มขึ้น 42,000 ล้านบาท มาอยู่ที่ 686,000 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยในกลุ่มลูกค้ารายย่อย

เพราะฉะนั้นต้องมาดูสเต็ปการเติบโตและความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นของ TMB ว่าจะเป็นอย่างไร เพราะบล.เมย์แบงก์ฯให้มุมมองไว้ว่าแม้ (ดีล) ยังไม่ชัดเจน แต่ก้าวแรกเริ่มขึ้นแล้ว

เมื่อมาถึงจุดนี้เราก็รู้จักกับ TMB มากขึ้น หลังจากนี้จะมาโฟกัส TCAP ให้ชัดเจน รวมถึงผลจากการผนึกกำลังของ 2 ธนาคารเข้าด้วยกัน โปรดติดตามในตอนหน้า......

ที่มา สรุปผลการดำเนินงานของ TMB และบริษัทย่อยประจำปี 2561, รายงาน TMB ประจำปี 2560,บทวิเคราะห์หุ้น TMB และ TCAP ของบล.เมย์แบงก์ฯ, www.posttoday.com/finance