ยิ่งการท่องเที่ยวเติบโตเท่าไหร่  การแข่งขันของ “สายการบิน” ก็ยิ่งรุนแรงตามไปด้วย เพราะจำนวนนักท่องเที่ยวถือเป็นเพชรเม็ดงามของธุรกิจนี้เลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะสายการบินต้นทุนต่ำ หรือสายการบินโลว์คอสต์ สำหรับบิ๊กดีลของสายการบิน หรือข่าวระทึกขวัญ อย่าง “นกแอร์” มีออกมาเรื่อยๆ

และไม่กี่วันก่อนทางสายการบินแอร์เอเชีย ส่งหนังสือแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ขณะนี้ทางบริษัทกำลังจีบๆ หรือกำลังอยู่ระหว่างพิจารณาความเหมาะสมในการลงทุนในหุ้นนกแอร์ ตามที่มีข่าวลืออกมาว่าทางแอร์เอเชีย จะซื้อหุ้นนกแอร์จาก “กลุ่มจุฬางกูร” ทั้งหมด โดย “สันทัด สงวนดีกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน สายการบินแอร์เอเชีย ระบุว่า บริษัทครุ่นคิดเรื่องการซื้อหุ้นนกแอร์อยู่จริง แต่ยังไม่มีข้อตกลงอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร! เพราะฉะนั้นจึงยังไม่ได้กระทำการใดที่จะมีผลผูกพันบริษัท

ขณะที่หัวเรือใหญ่สายการบินนกสีเหลือง “ประเวช องอาจสิทธิกุล” รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯว่า บริษัทไม่ได้รับข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับการเข้าลงทุนดังกล่าว ตามที่เป็นข่าว

เพราะฉะนั้นเมื่อดีลยังไม่ได้ข้อสรุป ก็ต้องติดตามกันต่อว่าสุดท้ายแอร์เอเชียจะจีบนกแอร์สำเร็จมั้ย ทั้งนี้ถ้าดูตลาด “สายการบินโลว์คอส์ต” แบบ bird eye view  จะพบว่าทั้งนกแอร์และแอร์เอเชีย มีจุดเด่นทั้งคู่ อย่างนกแอร์ แม้ว่าจะมีข่าวเรื่องเครื่องบินดีเลย์ บวกกับเรื่องวุ่นๆ เกี่ยวกับฐานะการเงิน จนเรียกได้ว่า นก(แอร์)ปีกหัก เพราะงบไม่ดี แต่นกแอร์เป็นผู้ให้บริการเส้นทางการบินภายในประเทศมากที่สุด กว่า 24 เส้นทางบิน และมีเที่ยวบินทั้งสิ้น 603 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ การทำมาร์เก็ตติ้งน้ำดื่มบริการบนเครื่องบินก็น่าสนใจ นอกจากนี้ยังอยู่ใต้ปีก ‘การบินไทย’ สายการบินแห่งชาติ ก็ทำให้นกแอร์เองก็มีความน่าสนใจอยู่ดี

ส่วนแอร์เอเชีย หากซื้อหุ้นนกแอร์ได้จริง จะทำให้แอร์เอเชียขึ้นแท่นเป็นสายการบินใหญ่ในตลาดโลว์คอส์ตทันที เพราะปัจจุบันแอร์เอเชียได้เปรียบเรื่องจำนวนผู้โดยสาร เพราะฉะนั้นหากดีลสำเร็จ จุดเด่นของทั้ง 2 สายการบินจะทำให้ภาพจิ๊กซอว์ไทยเป็น “ฮับการบิน” สมบูรณ์ ขณะที่การบินไทยก็วิน-วิน เช่นกัน เพราะสามารถลดขาดทุนไปได้เยอะ เพราะอย่าลืมว่าเป้าการบินไทยคือ อยากเห็นบริษัทกลับมามี “กำไร” ในปีหน้านี้แล้ว หลังขาดทุนมาเนิ่นนาน 

ที่มา: รายงานประจำปี 2560 ของนกแอร์และแอร์เอเชีย,ข่าวแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ เรื่องการซื้อหุ้น