Morning Bell by KTBST 1 มี.ค. 2562

>> คาดดัชนีฯ ยังผันผวนมีโอกาสอ่อนตัวลง ตลาดต่างประเทศไม่เอื้อ MSCI ปรับ weight หุ้นจีนขึ้น

คาดดัชนีฯ ยังผันผวนมีโอกาสอ่อนตัวลง ตลาดต่างประเทศไม่เอื้อ MSCI ปรับ weight หุ้นจีนขึ้น และรอดูการเมืองไทย ...... MSCI ประกาศปรับเพิ่มน้ำหนักหุ้น A Share ของจีน เพิ่มจาก 0.7% เป็น 3.3% ตามที่เคยแจ้งไว้ นักลงทุนอาจกังวลว่าจะมีเงินไหลออกจากตลาดหุ้นอื่นไปลงทุนในจีนเพิ่มขึ้น .... นอกจากนี้ ตลาดหุ้นเอเซียวานนี้ จะเห็นได้ว่าได้รับผลกระทบจากทั้ง ตัวเลข PMI ของจีนที่ลดลง จาก 49.5 เป็น 49.2 จุด ความกังวลในเรื่องสงครามการค้ายังมีให้เห็นหลังสหรัฐฯเตรียมใช้มาตรการภาษีนำเข้าสินค้าบางตัว การความขัดแย้งของอินเดีย-ปากีสถาน ที่มีผลต่อภูมิภาคนี้ ส่งผลให้ดัชนี MSCI APAC ลดลง 0.9% วานนี้ ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง เช้านี้ลงมาอยู่ที่ 31.5 บาท/ดอลล่าร์ .... ปัจจัยในประเทศ จะเป็น นักลงทุนชะลอดูการตัดสินคดียุบพรรค นักลงทุนต่างประเทศกลับมาขายหุ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ถึง 4.1 พันลบ. นอกจากจะมาจากปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น คาดมาจากการ rebalancing หุ้นที่คำนวณดัชนี MSCI ที่ใช้ราคาปิดวานนี้ด้วย

Recommendation
ตัวแปรทางลบจากต่างประเทศ ที่เข้ามากระทบตลาดทำให้ตลาดหุ้นเสียทรงไปบ้าง แม้ภาพรวมเรายังแนะนำเป็น “ถือ” แต่อาจต้องติดตามว่าแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศหลังจากที่ MSCI เพิ่มหุ้นจีน ซึ่งจะมีผลต่อตลาดช่วงสั้นๆ ......... event ที่มีผลต่อหุ้น กระทรวงพาณิชย์แถลงในเรื่องการควบคุบการเก็บ stock ของน้ำมันปาล์ม (มีผล LST, VPO , CPI) ….. สำหรับหุ้นแนะนำในเชิงกลยุทธ์วันนี้ ประกอบด้วย EA, GULF, SAWAD และเพิ่ม MINT เข้ามาในพอร์ตในวันนี้

Today Stock Picks
EA*: (ซื้อ, เป้าเชิงกลยุทธ์ 51 บาท) ได้โอกาสสะสมรอบใหม่
• เราเชื่อโครงการแบตเตอริ่ลิเทียม ไออน ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและคาดว่าจะเริ่มผลิตเฟสแรกต้นปีหน้า และจะเป็น Key หลักในการเติบโตครั้งใหม่ของ EA ที่สำคัญเราเชื่อว่าโครงการนี้จะได้ผลตอบแทนสูงกว่าที่ตลาดคาดเพราะปัจจุบันราคาวัตถุดิบในการผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมได้ปรับลดลงอย่างต่อเนื่องต่ำสุดในรอบ 2 ปี 
• EA จะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า ภายใต้แบนด์ “MINE MPV” ที่ใกล้พร้อมจะจำหน่ายแล้วไปแสดงในงาน Bangkok International Motor Show และเปิดจองรถและเริ่มส่งมอบได้ต้นปีหน้า
• ราคาหุ้นไม่แพง เพราะ EA เป็นหุ้นที่มี ROE สูงถึง 35% ขณะที่ราคาหุ้นเทรดกันที่ PE 25 เท่า ในปี 2019 และ PEG ต่ำกว่า 1 เท่า (ราคาปิดวันก่อน 47.75 บาท)

MINT: (ซื้อ, เป้าเชิงกลยุทธ์ 40 บาท) คาดกำไรเติบโตสูงสุดในกลุ่มท่องเที่ยว
• คาดกำไรปีนี้ 7.9 พันล้านบาท โต 46%YoY จากการรับรู้ NH ได้เต็มปี
• หมดกังวลเรื่องการเพิ่มทุน แนวโน้ม Net D/E ลดลงเหลือ 1.3 เท่าจาก 2 เท่าในปัจจุบัน จากการออก Perpetual Bond
• ราคาเป้าหมายพื้นฐาน 44.50 บาท อิง DCF (WACC ที่ 7%, terminal growth ที่ 2%) เทียบเท่า PE ที่ 29x ที่ระดับ +0.5SD ย้อนหลัง 3 ปี โดยมองว่า การซื้อ NHH จะส่งผลดีในระยะยาวในการต่อยอดธุรกิจโรงแรมได้อย่างต่อเนื่อง