“บลจ.กสิกรไทย”...ประเมินปมขัดแย้ง ‘อินเดีย-ปากีสถาน’ ไม่กระทบหุ้นอินเดียในระยะสั้น เหตุผลกระทบต่อเศรษฐกิจจำกัด แนะผู้ลงทุนประเมินสถานการณ์ก่อนเข้าลงทุน

>>

นายนาวิน อินทรสมบัติ Chief Investment Officer บลจ.กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยถึงผลกระทบต่อตลาดหุ้นอินเดียและเอเชีย จากสถานการณ์ความไม่สงบระหว่างอินเดียและปากีสถานที่กลับมาตึงเครียดจากการสั่งปฏิบัติการทางอากาศของทั้ง 2 ประเทศเมื่อวันที่ 27 ก.พ. 19 ภายหลังเหตุระเบิดพลีชีพในแคชเมียร์ ซึ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นอินเดีย (BSE) ปิดลบเล็กน้อยที่ 0.19% ขณะที่ค่าเงินรูปีเทียบกับดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงประมาณ 0.4% และวันรุ่งขึ้นตลาดหุ้นอินเดียยังคงปิดลบเล็กน้อยที่ 0.11% ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ติดลบเล็กน้อย (ที่มา: Bloomberg ณ 28 ก.พ. 19)

 

( นาวิน อินทรสมบัติ )
 

“แคชเมียร์มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของอินเดียไม่มากนัก เนื่องจากเป็นแคว้นที่ค่อนข้างเล็ก โดยมี GDP อยู่ที่ 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.96% ของ GDP ประเทศอินเดีย

ดังนั้นในระยะสั้นบริษัทมองว่าผลกระทบต่อเศรษฐกิจของอินเดียยังมีค่อนข้างจำกัด เนื่องจากเที่ยวบินถูกปิดแค่บางส่วนเฉพาะทางตอนเหนือของอินเดียเท่านั้น ขณะที่สัดส่วนการส่งออกของอินเดียไปยังปากีสถานในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 1.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.07% ของ GDP หรือประมาณ 0.37% ของการส่งออกทั้งหมด

อย่างไรก็ตามยังคงต้องติดตามสถานการณ์ต่อไปในระยะยาว ซึ่งหากสถานการณ์ทวีความรุนแรงมากขึ้น งบประมาณการใช้จ่ายของภาครัฐอาจถูกโยกมาสู่กระทรวงกลาโหมมากขึ้น ซึ่งอาจไม่เป็นผลดีต่อการพัฒนาสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานของอินเดีย”

นายนาวิน ยังกล่าวอีกว่า สำหรับกองทุนของบริษัทที่มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นอินเดียในระดับสูงถึงปานกลาง ได้แก่

  • กอง K-INDX’ (99%)
  • ‘กอง K-INDIA’ (97%)
  • ‘กอง K-ASIA’ (19%)

นอกจากนี้ยังมีกองทุนที่มีการลงทุนในตราสารหนี้อินเดีย ได้แก่ ‘กอง K-APB’ (10%)

ทั้งนี้บริษัทแนะนำสำหรับผู้ลงทุนใหม่ที่รับความเสี่ยงได้ไม่มาก อาจหลีกเลี่ยงการเข้าลงทุนในระยะสั้นเพื่อรอประเมินสถานการณ์ ส่วนผู้ลงทุนเดิมแนะให้ถือต่อและชะลอการเข้าลงทุนเพิ่มเติมเพื่อรอประเมินสถานการณ์ต่อไป