“MVP”…ตั้งเป้าปี19 พลิกกลับมีกำไรสุทธิ หลังรายได้ทุกธุรกิจยังคงเติบโตได้ดีในปี18 พร้อมเดินหน้าจัดตั้งบริษัทย่อยอีก 3 แห่ง ต่อยอดการเติบโตในอนาคต

>>

นายโอภาส เฉิดพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอ็ม วิชั่น (MVP) เปิดเผยว่า

  • ผลประกอบการปี2018 บริษัทมีรายได้จากธุรกิจการจัดแสดงงานที่ 166.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากสิ้นปี17
  • ส่วนธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์มีรายได้ 223.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 129% จากปึ17 ด้านธุรกิจการให้บริการงานโฆษณาและเอเจนซี่มีรายได้อยู่ที่ 60.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 73% จากปี17

 

“อย่างไรก็ตาม ในปี2018 บริษัทบริษัทมีผลขาดทุนอยู่ที่ 50.50 ล้านบาท เนื่องจากโครงการจัดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือพิเศษ ที่ขณะนี้มีการฟ้องร้องกันโดยทางบริษัทได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดี และฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากการผิดสัญญากับบริษัทคู่กรณีเป็นจำนวนเงิน 106.3 ล้านบาทรวมดอกเบี้ย โดยในปัจจุบันคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล”

นายโอภาส ยังกล่าวอีกว่า ในปี2019 เชื่อว่าบริษัทจะสามารถพลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้ เนื่องจากธุรกิจหลักมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะงาน Thailand Mobile Expo ที่ได้ย้ายสถานที่จัดงานมาอยู่ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค ทำให้บริษัทมีพื้นที่ในการให้เช่าเพิ่มมากขึ้นและทำให้มีพื้นที่ในการขายโฆษณาเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย รวมถึงในปีนี้ทางบริษัทไม่มีค่าใช้จ่ายจากการตั้งสำรองกรณีพิเศษอีกแล้ว

 
( โอภาส เฉิดพันธุ์ )

 

นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 1/2019 เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 19 มีมติอนุมัติการลงทุนในบริษัทร่วมแห่งใหม่จํานวน 3 บริษัท ได้แก่

1.บริษัทที่ดําเนินธุรกิจให้คําปรึกษาด้านการสื่อสารประชาสัมพันธ์ โดยคาดว่าจะจัดตั้งบริษัทภายในไตรมาส2/19 ซึ่งมี MVP ถือหุ้นอยู่ 52%

ประโยชน์ที่จะได้รับเพื่อจะสามารถเข้าถึงศิลปินไอดอลที่กําลังได้รับความนิยม เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ และสร้างความสนใจในกิจกรรมต่างๆ ของบริษัท รวมทั้งได้รับส่วนแบ่งจากการเป็นนายหน้า การจัดกิจกรรม การโฆษณา การจําหน่ายสินค้า และดิจิทัลคอนเทนต์ รวมถึงกิจกรรมอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

2.บริษัทที่ดําเนินธุรกิจขายและให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ

  • โดยเน้นการให้บริการแก่ลูกค้าอย่างครบวงจร ตั้งแต่แอพพลิเคชั่น คอนเท้นต์ เน็ตเวิร์ค เซิฟเวอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง
  • รวมถึงการให้บริการฝึกอบรม และการให้บริการทางการตลาด ซึ่ง MVP ถือหุ้น 51% โดยคาดว่าประโยชน์ที่จะได้รับ ทำให้บริษัทจะสามารถขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

โดยจะนําสินค้าและบริการที่ทางบริษัทจําหน่ายและให้บริการไปในตลาดประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นตลาดใหม่ ทําให้บริษัทสามารถเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ

3. บริษัทที่ดําเนินธุรกิจการให้บริการด้านการจัดแข่งขันกีฬาแบบครบวงจร ซึ่ง ‘MVP’ ถือหุ้น 40 % โดยคาดว่าประโยชน์ที่จะได้รับ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการจัดงานด้านกีฬา และสามารถให้บริการแบบครบวงจร สำหรับการลงทุนตั้งบริษัทใหม่ดังกล่าว โดยบริษัทมีเงินลงทุนมาจากเงินทุนเวียนของบริษัท