“โค้ก” vs “เป๊ปซี่” หลังสรรพสามิตเรียกเก็บภาษีความหวาน

>>

เดิมเรารู้กันอยู่แล้วว่าสินค้าในชีวิตประจำวันมีการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มหรือแวตอยู่แล้ว แต่จะมีสินค้าอีกประเภทที่ทางรัฐบาลจะเก็บภาษีสูงกว่าภาษีทั่วไป นั่นก็คือ “ภาษีสรรพสามิต” ที่จะเรียกเก็บจากสินค้าที่มีผลต่อสุขภาพโดยตรง รวมถึงสินค้าฟุ่มเฟือยก็ด้วย

โดยหนึ่งในประเภทสินค้าที่จะต้องเสียภาษีสรรพสามิตคือ “เครื่องดื่ม” ซึ่งที่ผ่านมามีการเก็บภาษีแบบรวม เช่น การเก็บภาษีตามราคาหน้าโรงงาน แต่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว รัฐบาลมีแนวคิดเก็บ “ภาษีน้ำตาล” หรือภาษีความหวาน โดยจะให้เวลาผู้ประกอบการปรับตัว 2 ปี ก่อนที่จะเริ่มเก็บภาษีความหวานแบบ Full Option ปลายปีนี้เป็นต้นไป ในลักษณะขั้นบันได

ดังนั้นเมื่อภาษีน้ำตาลจะนับเข้ามาเป็นหนึ่งในต้นทุน สุดสายป่านสินค้าผู้บริโภคก็จะได้รับผลกระทบ ตามหลักเศรษฐศาสตร์เลยว่าเมื่อต้นทุนแพงขึ้น สินค้าก็แพงขึ้นด้วย แต่สิ่งที่น่าสนใจมากกว่า “ราคาสินค้า” คือผู้ผลิตจะทำอย่างไรให้ “เครื่องดื่ม” มีความน่าสนใจขึ้น

อย่างตระกูลเครื่องดื่มทางเลือก (ฟังก์ชั่นนอลดริ้งค์) หรือเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ อาจจะมีการใส่วัตถุให้ความหวานแทนน้ำตาล เช่น หญ้าหวาน แล้วขายสรรพคุณว่าช่วยรักษาสุขภาพ แต่เครื่องดื่มน้ำอัดลมล่ะ จะเป็นอย่างไร?

ก่อนอื่นต้องบอกว่า ตลาดน้ำอัดลมโดยเฉพาะตลาดน้ำดำ ยังได้รับความนิยมตลอดกาล มีมูลค่าตลาดประมาณ 35,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่มากเมื่อเทียบกับภาพรวมตลาดน้ำอัดลมทั้งหมดที่มีมูลค่าตลาดประมาณ 50,000 ล้านบาท วันนี้เลยอยากมาเล่าเรื่องสังเวียนศึกน้ำดำ อย่าง “โค้ก” กับ “เป๊ปซี่” ว่าจะงัดกลยุทธ์อะไรออกมาสู้กันบ้าง

โดยทั้ง 2 แบรนด์ เป็นแบรนด์เครื่องดื่มสัญชาติอเมริกันทั้งคู่ มีจุดเริ่มต้นจากร้านขายยาเหมือนๆ กัน สำหรับ “โค้ก” ในไทย ดำเนินงานโดย บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด และบริษัทที่เทรดอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ อย่างบริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) หรือ HTC ซึ่งจะจำหน่ายเฉพาะโซนภาคใต้เท่านั้น

 

ส่วน “เป๊ปซี่” ดำเนินการโดยบริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างเป๊ปซี่โค อิงค์ บริษัทผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มชั้นนำ จากสหรัฐอเมริกา และกลุ่มซันโทรี่ ผู้นำระดับโลกในธุรกิจเครื่องดื่มสัญชาติญี่ปุ่น

ช่วงที่ผ่านมาทั้ง 2 แบรนด์ ออกสินค้าน้ำตาลศูนย์เปอร์เซ็นต์ ทั้ง ‘โค้ก ซีโร่’ และ ‘โค้ก ไลท์’ เองก็ดี ขณะที่ฝั่งเป๊ปซี่ มี ‘เป๊ปซี่ แม็กซ์’ แต่ด้วยความที่ตลาดน้ำอัดลมโตเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ บวกกับความกดดันจากภาษีน้ำตาล ล่าสุดทางเป๊ปซี่ ออกสินค้าใหม่ในกลุ่มเป๊ปซี่ แม็กซ์ รสราสเบอร์รี่ งานนี้นอกจากน้ำตาล 0% แล้ว ยังได้กิมมิกการดื่มน้ำอัดลมแบบใหม่ๆ อีกด้วย    

ทั้งนี้ถ้าดูผลประกอบการ จะเห็นว่าโค้กมีรายได้และกำไรลดลง แต่ยังมีขนาดมาร์เก็ตแคปที่ใหญ่กว่า เพราะฉะนั้นไม่ใช่แค่ตลาดฟังก์ชั่นนอลดริ้งค์ที่แข่งกันเรื่องอินโนเวชั่นแล้ว  น้ำตาลศูนย์เปอร์เซนต์ x รสชาติใหม่ อาจจะเป็นการแข่งขันรูปใหม่ก็ได้

ดังนั้นจะว่าไปการเก็บ ‘ภาษีน้ำตาล’ อาจจะมาถูกช่วงพอดี เพราะผู้ผลิตน่าจะใช้น้ำตาลน้อยลง แต่ไปโหม
อินโนชั่นกันมากขึ้น รับเทรนด์ดูแลสุขภาพ

 

ที่มา ข้อมูลบริษัทหาดทิพย์ใน SET, Yahoo Finance หุ้น KO (โค้ก) และเป๊ปซี่ (PEP), https://www.suntorypepsico.co.th/TH/brandDetail.html?id=1, http://www.thainamthip.co.th/company/history, https://www.marketingoops.com/news/biz-news/suntory/,http://www.komchadluek.net/news/ent/364170