"คลัง" ยืนยันจำเป็นต้องเพิ่มทุนในธนาคารแห่งใหม่ที่เกิดจากการควบรวมธนาคารธนชาต-ทหารไทย หวั่นรัฐเสียหาย
>>
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จำนวนเงินเพิ่มทุนในธนาคารแห่งใหม่ที่จะเกิดขึ้นจากการควบรวมธนาคารธนชาตและธนาคารทหารไทยประมาณ 1 หมื่นล้านบาทนั้น จะมีเงินจากหลายส่วนมาใช้ทั้งจากกองทุนวายุภักษ์และงบประมาณ โดยเงินเพิ่มทุนจะน้อย หรือมากกว่านี้ขึ้นอยู่กับการทำการสำรวจสินทรัพย์ (ดิวดิลิเจนต์) เมื่อแล้วเสร็จจะกำหนดราคาหุ้นเพิ่มทุนหุ้นละกี่บาท
"คลังจำเป็นต้องซื้อหุ้นเพิ่มทุน เพื่อรักษาสัดส่วนไม่ให้จำนวนหุ้นลดลง หากไม่ซื้อหุ้นตามคลังจะยิ่งขาดทุนจากการลงทุนมากขึ้น จากต้นทุนเดิมที่เฉลี่ยราคาหุ้นละ 3.80 บาท แต่ราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ของธนาคารทหารไทยที่คลังถืออยู่ยัง ไม่เคยขึ้นไปถึงราคานั้น แต่เมื่อซื้อหุ้นเพิ่มทุนตามแล้ว ต้นทุนเฉลี่ยก็จะลดลงเหลือ 3 บาทต้นๆ" นายอภิศักดิ์กล่าว
ทั้งนี้การควบรวมกิจการแม้จะทำให้ธนาคารใหม่อยู่ในอันดับที่ 6 เหมือนเดิม แต่ขนาดของสินทรัพย์มีถึง 1.9 ล้านล้านบาท และจำนวนเงินกองทุนสูงมากสามารถที่จะขยายธุรกิจได้เยอะและหลากหลายกว่าเดิม ซึ่งในอนาคตหากมีผลประกอบการที่ดีขึ้นทำกำไรได้มากขึ้น ราคาหุ้นก็จะปรับตัวขึ้นตามไปด้วย ซึ่งถึงตอนนั้นคลังสามารถพิจารณาได้ว่าจะถือหุ้นต่อ หรือขายหุ้นออกไปให้นักลงทุนที่สนใจ
รมว.คลัง กล่าวว่า ในอนาคตหากมีนักลงทุนสนใจ ทั้งผู้ถือหุ้นเดิมและผู้ถือหุ้นใหม่ที่สนใจ สามารถที่จะเจรจาขอซื้อหุ้นในส่วนของคลังได้ ซึ่งคลังมีนโยบายที่จะ ไม่ถือหุ้นที่ไม่ใช่ยุทธศาสตร์ของคลังอยู่แล้ว
อย่างไรก็ดี หากไม่สามารถนำเสนอเรื่องขอเพิ่มทุนธนาคารทหารไทยต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อทราบได้ทันรัฐบาลนี้ ก็จะต้องยกเรื่องนี้ไปให้รัฐบาลใหม่พิจารณาว่าจะเดินหน้าต่อ หรือมีความเห็นอย่างไรก็แล้วแต่จะเห็นว่าเป็นอย่างไร