FPI ประเมินแนวโน้มปี 2562 มีสัญญาณที่ดีขึ้น จากธุรกิจผลิตอะไหล่ชิ้นส่วนยานยนต์ รวมทั้งมีงานในมือรอรับรู้รายได้แล้วกว่า 500 ล้านบาท ดังนั้นทำให้มั่นใจว่าผลงานปีนี้เป็นไปตามเป้าหมายการเติบโตที่ระดับ 10% จากปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,982.14 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าลุยซื้อหุ้นคืนอย่างต่อเนื่อง คาดสามารถช่วยสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้เป็นอย่างดี
นายสมพล ธนาดำรงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อันดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ FPI เปิดเผยว่าการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาส 1/62 สามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจาก ธุรกิจ ผลิตอะไหล่ชิ้นส่วนยานยนต์ทั้ง OEM และ REM จากทั่วโลก ขณะที่ปัจจุบันมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (back log) อยู่ที่ 800 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 400 – 500 ล้านบาท
(นายสมพล ธนาดำรงศักดิ์)
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีความมั่นใจว่าในปีนี้ผลการดำเนินงานของบริษัทจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีอัตราการเติบโตของรายได้ประมาณ 10% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,982.14 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 125.55 ล้านบาท
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจมองว่า แนวโน้มความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทฯ เดินหน้าขยายตลาดชิ้นส่วนรถยนต์ไป สหรัฐฯ - ยุโรปฯ- ออสเตรเลีย มากขึ้น เพราะประเทศเหล่านั้น มีความต้องการสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง ดังนั้นจะทำให้บริษัทฯได้รับผลตอบแทนที่ดี และปีนี้จะมีปัจจัยหนุนจากโรงงานที่อินเดีย จะเริ่มรับรู้กำไรอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือน ก.ย. 2561 หลังจากที่ได้มีการเซ็นสัญญา เพื่อพ่นสีให้กับค่ายรถจักรยานยนต์ของญี่ปุ่น และไต้หวัน ซึ่งได้เข้าไปลงทุนในตลาดอินเดีย
"ปี 2562 ผ่านไปเกือบ 1 ไตรมาส เริ่มมีสัญญาที่ดีขึ้น จึงทำให้บริษัทฯมีความมั่นใจมากขึ้นว่าจะสามารถรักษาการเติบโตไว้อย่างต่อเนื่อง จนทำให้ภาพรวมผลประกอบการทั้งปีเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน"
นายสมพลกล่าวต่อว่าที่ผ่านมาบริษัทฯได้เดินหน้าซื้อหุ้นคืนอย่างต่อเนื่อง โดยมีวงเงินในการทำรายการกว่า 150 ล้านบาท จำนวนหุ้นที่ซื้อคืนอยู่ที่ประมาณ 40 ล้านหุ้น คิดเป็น 2.64% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด กำหนดเวลาซื้อคืนตั้งแต่ 22 ก.พ.-21 ส.ค.62 โดยราคาเฉลี่ยที่รับซื้ออยู่ที่ประมาณ 2.02 บาทต่อหุ้น
ส่วนการเปิดโครงการรับซื้อหุ้นคืนนั้น เพื่อต้องการให้สภาพคล่องการซื้อขายหุ้นเพิ่มขึ้น และในอนาคตจะทำให้อัตราผลตอบแทนส่วนผู้ถือหุ้นหรือ ROE เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันอัตราเงินปันผลมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นได้เพราะจำนวนหุ้นที่ซื้อคืนไม่ได้รับสิทธิเงินปันผล บริษัทฯเชื่อว่าการซื้อหุ้นคืนจะเป็นผลดี และสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น
สำหรับความคืบหน้าในการซื้อหุ้นคืนนั้น บริษัทได้ทยอยซื้อหุ้นคืนไปแล้วบางส่วน และมีจำนวนรวมของหุ้นที่ซื้อคืนในโครงการจนถึงปัจจุบัน ณ 15 มีนาคม 2562 อยู่ที่ 7.34 ล้านหุ้น โดยมีมูลค่าเงินลงทุน 17.19 ล้านบาท