“บลจ.กสิกรไทย”...ปลื้มครองแชมป์ ‘กองทุน 5 ดาว’
>> “บลจ.กสิกรไทย”...ปลื้มครองแชมป์ ‘กองทุน 5 ดาว’ มากที่สุดในอุตสาหกรรมถึง 11 กอง ครบทุกประเภทสินทรัพย์ทั้ง ‘กองตราสารหนี้- กองหุ้นไทย-กองต่างประเทศ-กองทุนผสม’ สะท้อนผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่อง
“บลจ.กสิกรไทย”...ปลื้มครองแชมป์ ‘กองทุน 5 ดาว’ มากที่สุดในอุตสาหกรรมถึง 11 กอง ครบทุกประเภทสินทรัพย์ทั้ง ‘กองตราสารหนี้- กองหุ้นไทย-กองต่างประเทศ-กองทุนผสม’ สะท้อนผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่อง
นายวศิน วณิชย์วรนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บลจ.กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทมีกองทุนรวมภายใต้การจัดการที่เป็นกองทุน 5 ดาว จาก Morningstar ในประเภท Overall Rating ถึง 11 กองทุน ประกอบด้วย
กลุ่มกองทุนตราสารหนี้ ได้แก่
- ‘กองทุนเปิดเคเอ คอร์เปอเรท บอนด์ (KACB)’
กลุ่มกองทุนหุ้นไทย ได้แก่
- ‘กองทุนเปิดเค Mid Small Cap หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (KMSRMF)’
- ‘กองทุนเปิดเค สตาร์ หุ้นทุน-A ชนิดรับซื้อคืนอัตโนมัติ (K-STAR-A(R))’
กลุ่มกองทุนหุ้นต่างประเทศ ได้แก่
- ‘กองทุนเปิดเค ไชน่า หุ้นทุน (K-CHINA)’
- ‘กองทุนเปิดเค อินเดีย หุ้นทุน (K-INDIA)’
- ‘กองทุนเปิดเค ดัชนีหุ้นอินเดีย (K-INDX)’
- ‘กองทุนเปิดเค หุ้นยูเอส ดัชนีเอ็นดีคิว 100-A ชนิดจ่ายเงินปันผล (K-USXNDQ-A(D))’
กลุ่มกองทุนผสม ได้แก่
- ‘กองทุนเปิดเค โกลบอล แอลโลเคชั่น (K-GA)’
- ‘กองทุนเปิดเค แพลน 2 (K-PLAN2)’
- ‘กองทุนเปิดเค แพลน 3 (K-PLAN3)’
- ‘กองทุนเปิดรวงข้าวดุลทรัพย์ (RKBC)’
“บริษัทครองแชมป์ บลจ.ที่มี ‘กองทุน 5 ดาว’ มากที่สุดในอุตสาหกรรม (ที่มา Morningstar ข้อมูล ณ วันที่ 28 ก.พ. 19) ซึ่ง ‘กองทุน 5 ดาว’ ถือเป็นที่สุดของกองทุนในแต่ละประเภทตามการแบ่งประเภทของมอนิ่งสตาร์ (Morningstar Categories)”
แม้ว่าการจัดอันดับจะเปลี่ยนแปลงไปทุกเดือน แต่กองทุนของบลจ.กสิกรไทย ยังคงติดอันดับ 5 ดาวมาอย่างต่อเนื่อง เช่น ‘กอง K-PLAN3’ และ ‘กอง K-USXNDQ-A(D)’ ที่ติดอันดับ 5 ดาวยาวนานที่สุดเป็นระยะเวลา 28 เดือนติดต่อกันนับตั้งแต่พ.ย. 16 เป็นต้นมา
“บริษัทมุ่งมั่นที่จะรักษามาตรฐานการบริหารกองทุน เพื่อสร้างผลการดำเนินที่ดีอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งคำนึงถึงการบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสมภายใต้ความผันผวนของตลาดด้วยเช่นกัน”
นายวศิน ยังกล่าวอีกว่า บริษัทยังคงมีมุมมองบวกต่อ ‘ตลาดหุ้นไทย’ โดยเศรษฐกิจยังเติบโตจากการขับเคลื่อนของการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศ ผลประกอบการจดทะเบียนยังขยายตัวได้ดีในอัตรา 5-6% และระดับราคาหุ้นไทยที่ปรับตัวลงมาใกล้เคียงค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี รวมทั้งอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ระดับ 3.4% ด้าน ‘ตราสารหนี้’ ยังมีมุมมองที่ดีในระยะปานกลางถึงยาว โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นกว่าประเทศอื่นๆ และเงินเฟ้อที่ยังต่ำกว่าเป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย ทั้งนี้การกำหนดวันเลือกตั้งที่ชัดเจนช่วยส่งผลบวกต่อบรรยากาศการลงทุนโดยรวม อย่างไรก็ตามควรติดตามผลการเลือกตั้งของไทยที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า
“สำหรับตลาดหุ้นต่างประเทศได้รับอานิสงส์จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ส่งสัญญาณผ่อนคลายทางการเงินมากขึ้น นับเป็นปัจจัยหนุนต่อการฟื้นตัวของตลาดหุ้นและค่าเงินกลุ่มประเทศเกิดใหม่ ทั้งนี้ มีมุมมองที่เป็นบวกต่อภูมิภาคเอเชียจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ดี ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ยังขยายตัวสูงและระดับราคาหุ้นถูกกว่าภูมิภาคอื่น อย่างไรก็ตามยังคงต้องติดตามประเด็นการเจรจาเรื่อง Brexit ก่อนกำหนดเส้นตายซึ่งคาดว่าจะเลื่อนออกไปอีก 3 เดือน การชะลอตัวของเศรษฐกิจและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน และความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน”