“บลจ.ไทยพาณิชย์”...ปันผล ‘กอง SCBINDIA’ 22 มี.ค. นี้

>>

“บลจ.ไทยพาณิชย์”...เตรียมปันผล กอง SCBINDIA’ 22 มี.ค. นี้ ประเมินทิศทางหุ้นอินเดียมีแนวโน้มดีขึ้น แต่แนะจับตาปัจจัยเสี่ยงประกอบการลงทุนด้วยเช่นกัน

นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมจ่ายเงินปันผล กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นอินเดีย (SCBINDIA)’ สำหรับผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 มี.ค.18-28 ก.พ. 19 และกำไรสะสมให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 22 มี.ค.19 ในอัตรา 0.1604 บาทต่อหน่วย ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการจ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้ว อัตรา 0.1462 บาทต่อหน่วย เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 18 รวมเป็นยอดเงินจ่ายปันผลสำหรับงวดผลการดำเนินงานดังกล่าว 0.3066 บาทต่อหน่วย

 
( นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย )

 

อย่างไรก็ตามเมื่อนับตั้งแต่จัดตั้ง ‘กอง SCBINDIA’ มีการจ่ายปันผลรวม 0.6950 บาทต่อหน่วย

“กองหุ้นอินเดียในช่วงเดือนมี.ค.-ส.ค.18 ได้ปรับตัวสูงขึ้น โดยได้รับแรงสนับสนุนมาจากนโยบายของรัฐบาลที่มีการปรับลดภาษีสินค้าและการบริการกว่า 50รายการ รวมไปถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางอินเดีย ซึ่งส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนทั้งขนาดกลางและขนาดย่อมปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยและกลุ่มธนาคาร”

นอกจากนี้สัดส่วนการถือครองของนักลงทุนต่างชาติที่มีปริมาณน้อยเมื่อเทียบกับประเทศกำลังพัฒนาอื่นในแถบเอเชีย ส่งผลให้ผลกระทบจากแรงเทขายของนักลงทุนต่างชาติจากความกังวลในความไม่แน่นอนของสงครามทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐน้อยกว่าประเทศอื่น ๆ

“อย่างไรก็ตามในช่วงเดือนก.ย. ‘หุ้นอินเดีย’ ปรับตัวลดลงอย่างหนักจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นทำให้ประเทศอินเดียขาดดุลการค้าสูงขึ้น ค่าเงินรูปีอ่อนค่า รวมไปถึงปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดที่มีแนวโน้มแย่ลงจากการที่รัฐไม่สามารถควบคุมปริมาณการใช้จ่ายภาครัฐ และดำเนินการจัดเก็บภาษีให้เป็นไปตามเป้าหมายได้ นอกจากนี้คะแนนความนิยมของนายโมที (Modi) นายกรัฐมนตรีอินเดียก็ตกต่ำลง จากการที่ไม่สามารถผลักดันนโยบายที่เคยให้สัญญาไว้ตอนหาเสียงได้”

นายณรงค์ศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า ในระยะถัดไปคาดว่าตลาดหุ้นอินเดียจะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น จากการที่ค่าเงินรูปีแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ รวมไปถึงระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่สนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างเหมาะสม

“อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังคงต้องให้ความสำคัญปัจจัยเสี่ยงที่อาจกดดันการปรับตัวขึ้นของตลาดอินเดีย เช่น ความผันผวนของราคาน้ำมัน ซึ่งส่งผลต่อการขาดดุลการค้า ค่าเงินรูปี และกระแสเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงเรื่องของคะแนนความนิยม และการดำเนินนโยบายของรัฐบาลปัจจุบันที่จะนำไปสู่ทิศทางของผลการเลือกตั้งทั่วไป ที่จะเกิดขึ้นในเดือนเม.ย.19”

สำหรับ ‘กอง SCBINDIA’ มีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของ ‘iShares India 50 ETF’ ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนซึ่งซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ สหรัฐ กองทุนหลักบริหารโดย BlackRock และมีนโยบายลงทุนในหุ้นที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์อินเดีย (CNXNIFTY) เพื่อให้ผลการดำเนินงานของกองทุนก่อนหักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี CNXNIFTY