ใกล้เข้ามาแล้วกับการเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม นี้ หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมามีการเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตในวันที่ 17 มีนาคม 2562 โดย กกต. แถลงว่ามีผู้ลงทะเบียนเพื่อใช้สิทธิจำนวน 2.63 ล้านบาท และมีผู้ออกมาใช้สิทธิทั่วประเทศไม่น้อยกว่า 75% แสดงให้เห็นถึงความตื่นตัวของประชาชน หลังจากห่างหายการเลือกตั้งไปนานถึง 8 ปี
แต่จะบอกว่าผ่านไปอย่างราบรื่นคงไม่ถูกนัก เพราะเกิดปัญหาขึ้นมากมายทั้ง คิวสะสม แจกบัตรเลือกตั้งผิดเขต และรูปแบบบัตรที่เปลี่ยนไป คือไม่มีการพิมพ์ลายนิ้วมือเพื่อระบุตัวตนลงในบัตรแล้ว ใช้เพียงการเซ็นชื่อเท่านั้น ทำให้หลายคนเป็นกังวลว่า อาจเกิดการสับเปลี่ยนบัตรขึ้นหรือไม่!!
ซึ่งประเด็นนี้ กกต. ชี้แจงว่า ที่ไม่มีการพิมพ์ลายนิ้วมือเหมือนการเลือกตั้งครั้งก่อนใช้เพียงการเซ็นชื่อที่ต้นขั้วนั้น เป็นขั้นตอนที่ถูกต้องแล้ว ส่วนการพิมพ์ลายนิ้วมือบนบัตรเลือกตั้งครั้งก่อน เกิดจากประชามติของอดีต กกต. ที่คิดให้มีการพิมพ์ลายนิ้วมือแทนการเซ็นชื่อ และยืนยันว่าแม้จะใช้การเซ็นชื่ออย่างเดียวก็ไม่มีความแตกต่างกันเพราะสามารถตรวจสอบได้ว่าใครเป็นผู้มาใช้สิทธิ ทำให้สิ่งที่ต้องจับตาคือ การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 24 มีนาคม จะเรียบร้อยกว่าที่ผ่านมาหรือไม่
ใครทำบัตรเลือกตั้ง?
จะเห็นได้ว่าบัตรเลือกตั้งมีความสำคัญมาก เพราะเป็นสื่อกลางในการแสดงสิทธิเพื่อคัดเลือกคนเข้ามาบริหารงานประเทศ แต่น้อยคนที่จะรู้ว่าบัตรเลือกตั้งมาจากไหน? และใครเป็นคนทำ? วันนี้ Wealthy Thai จะพาไปทำความรู้จักกับ บมจ. ที.เค.เอส. เทคโนโลยี หรือ TKS บริษัทที่ประกอบธุรกิจด้านสิ่งพิมพ์แบบครบวงจร และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการพิมพ์บัตรเลือกตั้งด้วย
เมื่อลองศึกษาธุรกิจของ TKS จะพบว่า มีการถือหุ้นในบริษัทอื่นๆ ได้แก่ บริษัท ที.เค.เอส. สยามเพรส แมเนจเม้นท์ จำกัด ถือหุ้นในสัดส่วน 100% และ บมจ. ไทยบริติชซีเคียวริตี้ พริ้นติ้ง ถือหุ้นในสัดส่วน 77.74% โดยทั้งสองบริษัททำธุรกิจด้านสิ่งพิมพ์เช่นเดียวกัน ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการดำเนินงานของ TKS ให้ครอบคลุมทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์มากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ TKS ยังขยายธุรกิจไปยังอุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิมเตอร์ ภายใต้ชื่อ บมจ. ซินเน็ค (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นบริษัทร่วม มีผู้ถือหุ้นหลัก คือ TKS ถือหุ้นในสัดส่วน 38.51% และ กลุ่มบริษัท ซินเน็ค ประเทศไต้หวัน (King’s Eye Investment Ltd.) ถือหุ้นในสัดส่วน 34.99% ซึ่งจะรับรู้รายได้ในลักษณะส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน
รายได้มาจากอะไรบ้าง?
ในด้านบริการ TKS มีงานพิมพ์หลากหลายรูปแบบ ได้แก่ บริการพิมพ์ระบบ Cheque on Demand, บริหารคลังแบบฟอร์ม, แบบพิมพ์ธุรกิจแบบพิเศษ, แบบพิมพ์ธุรกิจปลอดการทำเทียม, แบบพิมพ์ธุรกิจ, กระดาษสำนักงาน และบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อนตัว สามารถรองรับความต้องการได้ทั้งบริษัทเอกชน สถานที่ราชการ และเอกสารที่ต้องใช้ความปลอดภัยสูง
ซึ่งสัดส่วนรายได้ที่มาจากธุรกิจสิ่งพิมพ์และกระดาษสำนักงานถือเป็นรายได้ของหลักบริษัท หรือคิดเป็น 83% จากรายได้ทั้งหมด ส่วนรายได้ที่เหลือมาจากส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม เงินปันผล และอื่นๆ
โดยปีที่ผ่านมา TKS มีรายได้รวม 2,060 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 678 ล้านบาท หรือ 49% ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 323 ล้านบาท ลดลง 12 ล้านบาท หรือ 4 % จากปี 2560 สาเหตุมาจากค่าใช้จ่ายพิเศษซึ่งเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว หากไม่รวมรายการพิเศษดังกล่าว บริษัทจะมีกำไร 346 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนประมาณ 3.2% ซึ่งส่วนใหญ่มาจากรายได้ส่วนแบ่งกำไรในบริษัทร่วมที่เพิ่มขึ้น
เลือกตั้งจะหนุน TKS เติบโตอย่างไร?
สำหรับปี 2562 เป็นปีที่ TKS น่าจะได้รับปัจจัยสนับสนุนค่อนข้างมากจากการเลือกตั้ง หลังจากห่างหายกันไปนานถึง 8 ปี ด้านผู้บริหาร นายสมคิด เวคินวัฒนเศรษฐ์ กรรมการผู้จัดการ บอกว่า วางเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโต 14% ซึ่งไม่รวมรายได้จากบริษัทย่อยและบริษัทร่วมทุน เพราะได้รับงานพิมพ์จากบัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) และบัตรเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 1/2562 อีกทั้งกลางปีจะมีเลือกตั้งท้องถิ่นเกิดขึ้น ทั้งในส่วนของจังหวัดและตำบลทั่วประเทศ โดยคาดหวังว่าจะได้รับงานส่วนนี้เพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติมในอนาคต
นอกจากงานพิมพ์บัตรเลือกตั้งแล้ว TKS ยังมองโอกาสจากงานอื่นๆ เช่น งานประมูล e-Passport ระยะที่ 3 มูลค่างานประมาณ 12,500 ล้านบาท (ระยะเวลา 7 ปี) คาดว่าจะทราบผลการประมูลภายในเดือนเมษายนนี้ รวมถึงยังมีงานที่รับต่อเนื่องมาจากปีก่อนด้วย ทำให้มองว่าปี 2562 จะเป็นปีที่ดีของ TKS แน่นอน
โบรกฯ มองปี 62 กำไรโตก้าวกระโดด
ขณะเดียวกัน บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองว่า ปีนี้ TKS จะมีรายได้เติบโต18.6% หรือ 2,444 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิเติบโต 36.6% หรืออยู่ที่ 441 ล้านบาท จากบริษัทในกลุ่มที่มีแนวโน้มดีขึ้นจากการขยายธุรกิจใหม่ที่เป็นเทรนด์ของอุตสาหกรรม ส่วนธุรกิจเดิมอย่างสิ่งพิมพ์ TKS ก็นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆเข้ามาเพิ่มมูลค่า
อีกทั้งจะได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการรับรู้รายได้ บมจ. ไทยบริติชซีเคียวริตี้ พริ้นติ้ง เข้ามาเต็มปี และส่วนแบ่งกำไรจาก บมจ. ซินเน็ค (ประเทศไทย) ที่คาดจะเพิ่มขึ้น รวมถึงค่าใช้จ่ายที่ลดลงจากค่าใช้จ่ายครั้งเดียวที่เกิดขึ้นในปี 2561 นอกจากนี้ คาดว่าเงินปันผลในปี 2562 จะอยู่ที่ 0.75 บาท อิง P/E ratio ที่ 13 เท่า
ที่มา
https://www.innnews.co.th
https://www.bbc.com/thai
https://www.settrade.com
บมจ. ที.เค.เอส. เทคโนโลยี
บทวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)