โบรกฯ ประเมินหุ้นวันจันทร์บวก สวนทิศทางตลาดต่างประเทศ รอกกต.แถลงเลือกตั้งบ่ายวันนี้

>> โบรกฯ ประเมินหุ้นวันจันทร์บวก สวนทิศทางตลาดต่างประเทศ รอกกต.แถลงเลือกตั้งบ่ายวันนี้

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี จำกัด (มหาชน)

ให้มุมมองเป็นกลาง คาดดัชนีแกว่งตัว 1,630 – 1,660 จุด แม้ว่าภาวะตลาดต่างประเทศจะเป็นลบจากความกังวลการชะลอตัวเศรษฐกิจโลกหลังตัวเลข PMI ภาคการผลิตและบริการของทั้งสหรัฐและยูโรโซนในเดือนมีนาคมทรุดตัวลง รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดคาดการณ์ GDP สหรัฐปีนี้ลงสู่ 2.1%  จากเดิมคาดการณ์ไว้ 2.3%

อย่างไรก็ตามผลการเลือกตั้งในประเทศ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศผลอย่างเป็นทางการในเวลา 14.00 น. จะเป็นตัวแปรสำคัญต่อ ทิศทางตลาดโดยแบ่ง 2 scenario ดังนี้

  1. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้เสียงข้างมากและจัดตั้งรัฐบาลร่วมได้ มองเป็นบวกต่อทิศทางการลงทุนเนื่องจากการเมือง จะมีเสถียรภาพทั้งส.สและส.ว. และสานต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจได้ต่อเนื่อง
  2. พรรคเพื่อไทยได้เสียงข้างมากและจัดตั้งรัฐบาลร่วมได้มองเป็นลบต่อทิศทางการลงทุน เนื่องจากจะมีความไม่แน่นอนต่อภาพการเมืองในอนาคต


บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน)

ประเมิน SET Index จะแกว่งตัวในแดนบวกได้ แม้ บรรยากาศการลงทุนทั่วโลกจะไม่สดใส จากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและ Inverted Yield Curve อย่างไรก็ตามผลการเลือกตั้งของไทยเบื้องต้นอย่างไม่เป็นทางการ ตามที่พรรคพลังประชารัฐได้คะแนนเสียงสูงเกินคาด ทำให้มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นแกนนำและจัดตั้งรัฐบาล โดยมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ ซึ่งจะเป็นบวกในแง่การดำเนินนโยบายบริหารประเทศที่มีความต่อเนื่อง ยังมองกลุ่ม Domestic Play น่าสนใจกว่า Global Play

 

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

ประเมิน SET Index วันจันทร์บวกสวนหุ้นโลกหลังผลการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวานนี้ โดยเบื้องต้นชี้ว่าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้คะแนนเสียงสูงสุด และน่าจะมีสิทธิจัดตั้งรัฐบาล โดยการคำนวณเสียงคร่าวๆ มีโอกาสสูงที่ขั้วพปชร.สามารถรวมเสียงได้มากกว่ากึ่งหนึ่ง หรือ 250 เสียง โดยกกต.จะมีการ แถลงผลการนับคะแนน 95% ในช่วงบ่ายวันนี้

อย่างไรก็ดีฝ่ายวิจัยฯ มองว่า SET Index คงไปต่อได้ไม่ไกล เนื่องจากปัจจัยต่างประเทศพลิกเป็นลบค่อนข้างแรง หลังจากตลาดการเงินกลับมากังวลต่อ เศรษฐกิจโลกอีกครั้ง ทั้งเส้นผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ พลิกเป็น inverted ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัว และตัวเลขภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนมีนาคมของยูโรโซนต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ค่อนข้างมาก

ทั้งนี้สำหรับสัปดาห์นี้ นักลงทุนควรติดตามปัจจัยได้แก่ การเจรจาของนักการเมืองเพื่อฟอร์มรัฐบาลผสม ซึ่งนำโดยพรรคพปชร. และตัวเลขเศรษฐกิจไทยเดือนกุมภาพันธ์ที่จะออกมาในช่วงปลายสัปดาห์ และการเจรจาประเด็น  Brexit ของอังกฤษหลังจากกลุ่มยุโรปเลื่อนเส้นตายการหาแนวทางของฝั่งอังกฤษให้เป็น 12 เมษายน 2562