แม้การเข้าคูหาเลือกตั้งครั้งแรกในรอบ 7 ปีของไทยจะเสร็จสิ้นลงแล้ว แต่สื่อทั่วโลกยังคงจับตาต่ออย่างใกล้ชิด โดยเว็บไซต์สื่อฮ่องกง เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์ รายงานว่า การคำนวณผลการเลือกตั้งที่มีความซับซ้อน เป็นเพียงส่วนหนึ่งของหล่มการเมืองไทยหลังวันเลือกตั้ง โดยกระแสโซเชียล มีเดียในไทย โดยเฉพาะทวิตเตอร์ประเด็นเรื่องกระบวนการนับคะแนนและปัญหาการโกงเลือกตั้ง ติดเทรนด์ที่มีการ พูดคุยกันมากที่สุด
ด้านสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การประกาศชิงเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลของทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคพลังประชารัฐ อาจนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างฝ่ายประชาธิปไตยและฝ่ายทหาร ซึ่งความขัดแย้งหลายครั้งที่ผ่านมานำไปสู่ความไม่แน่นอน สุญญากาศทางการเมือง การประท้วงรุนแรง และรัฐประหาร
นอกจากนี้ รัฐบาลผสมไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดมีแนวโน้มว่าจะไม่มีคะแนนเสียงมากพอ ซึ่งจะทำให้กระบวนการผ่านร่างกฎหมายในสภาผู้แทนราษฎรเป็นไปได้ยาก โดยทั้งพรรคเพื่อไทยและพลังประชารัฐจะต้องพึ่งพาพรรคการเมืองท้องถิ่นเพื่อผลักดันนโยบายต่างๆ
ขณะที่ เดวิด สเตร็คฟัส นักวิชาการอิสระชาวอเมริกันใน จ.ขอนแก่น เปิดเผยกับสำนักข่าวอัลจาซีราว่า การเลือกตั้งที่เพิ่งจบไป คือ องค์ประกอบสำคัญทำให้รัฐบาลทหารสามารถอ้างความชอบธรรมได้
"สมมติว่าการเลือกตั้งเป็นไปอย่างยุติธรรม ซึ่งอาจมีข้อโต้แย้งได้ สิ่งนี้นับเป็นชิ้นส่วนสุดท้ายในการทำให้แผนการตลอด 5 ปีบังเกิดผลลัพธ์ ทั้งจากการทำรัฐประหาร รัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และรัฐบาลทหารจะกล่าวอ้างว่าตอนนี้มีความชอบธรรมแล้ว" สเตร็คฟัส กล่าว
ขณะเดียวกัน สเตร็คฟัส ยังแสดงความเห็นเกี่ยวกับพรรคอนาคตใหม่ว่า ความสำเร็จของพรรคอนาคตใหม่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ นับเป็นสัญญาณดีต่อการเมืองไทยในอนาคต
"ในทางประวัติศาสตร์ จีนและไทยมีความใกล้ชิดกัน ทั้งในแง่เชื้อสายและวัฒนธรรม ความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติดำเนินไปเป็นอย่างดีมาโดยตลอด ไม่ว่าใครเป็นรัฐบาลก็ตาม" ตั้งฉีฟาง ผู้ช่วยนักวิจัยจากสถาบันวิจัยด้านระหว่างประเทศของจีน เปิดเผยกับโกลบอลไทมส์ พร้อมเสริมว่า ไทยมีส่วนร่วมในโครงการริเริ่มแถบและเส้นทางอย่างแข็งขัน เช่น โครงการรถไฟไทย-จีน ปี 2015 ซึ่งเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของความร่วมมือระหว่างสองประเทศภายใต้บีอาร์ไอ
หนังสือพิมพ์การ์เดี้ยน ในอังกฤษ รายงานว่า การเมืองไทยแบ่งข้างแบ่งขั้วอย่างรุนแรงมากว่า 1 ทศวรรษ และการเลือกตั้งครั้งนี้แบ่งฟากผู้สนับสนุนพรรคการเมืองหนุนทหารกับฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตยออกจากกัน