EA เตรียมลุยธุรกิจรถแท็กซี่อีวี หลังเอ็มโอยูผ่านบ.ย่อย

>>

Hightlight

  •  บริษัท ไมน์ โมบิลิตี คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ MMC เป็นบริษัทย่อยของ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA   
  • ดำเนินธุรกิจหลักเพื่อประกอบ ผลิต และจัดจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ MINE Mobility 
  • ลงนามบันทึกความเข้าใจกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนสุวรรณภูมิพัฒนา จำกัด กลุ่มผู้ให้บริการรถยนต์รับจ้าง (รถแท็กซี่) เพื่อตกลงให้จองสิทธิซื้อรถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle หรือ EV) และอะไหล่ จำนวน 3,500 คัน 
          

นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยว่า MMC ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ EA ถือหุ้นสัดส่วน 99.99% ดำเนินธุรกิจหลักเพื่อประกอบ ผลิต และจัดจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ MINE Mobility ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนสุวรรณภูมิพัฒนา จำกัด กลุ่มผู้ให้บริการรถยนต์รับจ้าง (รถแท็กซี่) เพื่อตกลงให้จองสิทธิซื้อรถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle หรือ EV) และอะไหล่ จำนวน 3,500 คัน

โดยจะนำไปจดทะเบียนเป็นรถยนต์รับจ้าง เพื่อจำหน่ายให้กับสมาชิกของสหกรณ์ อีกทั้งยังตกลงใช้บริการชาร์จไฟฟ้าจากสถานีชาร์จของกลุ่ม EA ที่ได้ลงทุนเตรียมไว้อำนวยความสะดวกล่วงหน้าแล้วภายใต้ชื่อสถานีชาร์จ EA Anywhere จึงมั่นใจได้ว่าธุรกิจใหม่ของ EA ที่ต่อยอดออกมาโดยใช้แบตเตอรี่ที่มีคุณภาพและความปลอดภัยสูง รวมถึงช่วยลดมลพิษทางอากาศได้เป็นอย่างดีเนื่องจากไม่มีไอเสีย โดยรถยนต์ไฟฟ้าจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น และขับเคลื่อนสังคมไทยให้เข้าสู่ยุค Energy 4.0 ได้อย่างเป็นรูปธรรม

สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่เข้าร่วมโครงการนี้ จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าอเนกประสงค์ MINE รุ่น SPA 1 รถครอบครัวขนาด 5 ที่นั่ง ผลิตด้วยวัสดุที่มีน้ำหนักเบา เสริมความแข็งแรงด้วยอะลูมิเนียมแพลตฟอร์ม อัตราความเร็วสูงถึง 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้แบตเตอรี่ลิเที่ยมไอออนขนาด 30 kWh พร้อมเทคโนโลยี STOBA ช่วยป้องกันการลัดวงจรจากภายในเซลแบตเตอรี่ สาเหตุหลักของการเกิดไฟไหม้ สามารถขับเคลื่อนให้วิ่งได้ระยะทางกว่า 200 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง โดยใช้เวลาชาร์จเพียง 15 นาที ด้วยระบบการชาร์จ แบบ Quick Charge ของ EA Anywhere ที่เปิดให้บริการกระจายอยู่ทั่วกรุงเทพ ปริมณฑล และจังหวัดต่างๆ แล้ว

จึงเหมาะสำหรับการนำมาให้บริการผู้โดยสารด้วยต้นทุนพลังงานที่ลดลงกว่าเดิม อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาต่ำมาก เนื่องจากการเปลี่ยนรูปแบบการขับเคลื่อนจากเดิมที่ใช้เครื่องยนต์และขับเคลื่อนด้วยพลังงานจากน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ มาเป็นการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ที่ไม่จำเป็นต้องมีเครื่องยนต์อีกต่อไป เสริมด้วยการบริการหลังการขายที่เตรียมการไว้แล้ว