Hightlight
- บมจ. ซีลิค คอร์พ หรือ SELIC วางกลยุทธ์ปี 62 บุกตลาด CLMV ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ หวังรักษาฐานเดิม-ขยายฐานใหม่
- คาดไตรมาส 1/62 เติบโตกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังเริ่มมีการบันทึกกำไรและรายได้กลุ่ม PMC
- กำไรปี 2561 ขาดทุน 93 ล้านบาท เพราะมีต้นทุนจากการควบรวมกิจการ PMC
นายเอก สุวัฒนพิมพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีลิค คอร์พ จำกัด (มหาชน) SELIC เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2562 เติบโตกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากเริ่มมีการบันทึกกำไรและรายได้กลุ่ม PMC คือ บริษัท พีเอ็มซี เลเบิล แมททีเรียลส์ จำกัด (PMCT) ในประเทศไทย และบริษัท พีเอ็มซี เลเบิล แมททีเรียลส์ พีทีอี ลิมิเตด (PMCS) ในประเทศสิงคโปร์ เข้ามาในไตรมาส 1/2562 เป็นต้นไป ภายหลังควบรวมกิจการแล้วเสร็จเมื่อ 4 ม.ค. 2562 ซึ่งปัจจุบันมีการส่งทีมงานปรับปรุงด้านระบบบัญชี ทำให้มั่นใจว่าในแง่ของการดำเนินงานทางธุรกิจจะสานต่องานได้อย่างยั่งยืน
(นายเอก สุวัฒนพิมพ์)
อย่างไรก็ตาม ในปี 2561 บริษัทฯ มีรายได้รวมที่ 599.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี 2560 ที่มีรายได้ 595.00 ล้านบาท เนื่องจากผลิตภัณฑ์กาว Water based เพิ่มขึ้น 22.03% และผลิตภัณฑ์กาว Hot melt เพิ่มขึ้น 12.02% เทียบปีก่อน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีการปรับทีมขายและใช้เป็นกลยุทธ์หนึ่งของบริษัทฯ ในการเพิ่มยอดขายภายในประเทศ ทำให้ยอดขายในประเทศปี 2561 เพิ่มขึ้น 7.3%
“ปี 2561 รายได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี 2560 โดยผลการดำเนินปี 2561 ในด้านบัญชีจะขาดทุน เนื่องจากมีต้นทุนจากการควบรวมกิจการ PMC ซึ่งเรามีความตั้งใจที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนและเพิ่มผลกำไรให้กับบริษัท โดยการลดต้นทุน รักษาฐานลูกค้า ขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการขยายการเติบโตทางธุรกิจผ่านการควบรวมกิจการ โดยเราได้มีการเข้าไปลงลึกถึงรายละเอียดการทำงานของ PMC ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงระบบบัญชี การรับรู้รายได้ อีกทั้งการควบรวมครั้งนี้ทำให้ฐานลูกค้าของเรามีมากขึ้น เราจึงต้องลงไปทำความรู้จักกับลูกค้าใหม่ พร้อมทั้งศึกษา และวิเคราะห์ถึงความต้องการของตลาดสติ๊กเกอร์ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมกาวโดยตรง ประกอบด้วยการเติบโตของอุตสาหกรรมกาวโลกที่นับวันมีแต่เพิ่มจำนวนมากยิ่งขึ้น ทำให้เรามั่นใจว่าปี 2562 ผลประกอบการหลังการควบรวมกิจการจะดีขึ้นอย่างแน่นอน” นายเอก กล่าว
สำหรับกลยุทธ์ในปี 2562 บริษัทฯ มีความตั้งใจที่จะมุ่งเน้นขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยตลาดในประเทศ มุ่งเน้นกาวน้ำและกาวหลอมร้อน รวมถึงขยายตลาดอาหารและเครื่องดื่ม ตลาดเฟอร์นิเจอร์ ตลาดยานยนต์ ตลาดฉลากและบรรจุภัณฑ์
สำหรับตลาดต่างประเทศ เน้นการขยายตลาดอาเซียน โดยมีแผนขยายตลาด CLMV และ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และยังมีแผนเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในเวียดนาม จากอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ ดังนั้นบริษัทฯ มั่นใจว่าผลการดำเนินงานในปีนี้เติบโตกว่าปี 2561