การก้าวเข้าสู่เวทีการเมือง ก็เหมือนกับการเดินเข้าฉากละครเวที ..
ต้องยอมรับว่าเมื่อ “นักการเมือง” คนใดก็ตามได้รับความสนใจจากสังคม สปอตไลท์ก็ตามส่องโดยอัตโนมัติ จะทำอะไรหรือมีประวัติอย่างไร ก็ถูกขุดคุ้ยทั้งหมด
หากเป็นพรรคการเมืองเก่าๆ จะพรรคเพื่อไทยหรือ ประชาธิปัตย์ก็ดี คนเขารู้กันหมดแล้ว จะมีก็แต่ “เหล้าเก่าในขวดใหม่” เท่านั้น หรืออย่างพรรคเสริมทัพอย่างชาติพัฒนา ชาติไทยพัฒนา หรือภูมิใจไทย ที่เป็นตัวแปรคะแนนเสียงการจัดตั้งรัฐบาล แต่ลากมายาวขนาดนี้ จากที่คนรอลุ้นเรื่องการเลือกขั้วการเมือง ของอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จนตอนนี้ก็เกือบหมดความน่าสนใจไปแล้ว
สปอตไลท์เลยยิ่งถูกส่องไปที่ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถามว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?
อันดับแรกคือ คะแนนดิบ 6,265,950 เสียง ที่เทให้อนาคตใหม่ จากการเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา ก็บอกอะไรเราได้พอสมควร เริ่มจากกรุงเทพฯ เลย อนาคตใหม่คะแนนแซงมาเป็นอันดับ 1 บวกกับคะแนนจาก “First Voter” และยังไม่นับอีกหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ที่คะแนนอนาคตใหม่ คะแนนสูสีกับพรรคใหญ่ๆ ข้อ 2.เพราะคาดเดาอะไรไม่ได้ ควบคุมไม่ได้ ซึ่งผู้เขียนขอยืมวลีนึงที่ไปเจอมาในเพจข่าวการเมืองของที่ต่างๆ ในเฟซบุ๊คที่ว่า
“อยากฆ่าทักษิณ แต่ดันให้กำเนิดธนาธร”
พลังกองทัพที่มีแสนยานุภาพมาก แต่ถามว่าจะสู้แรง (โซเชียล) คนรุ่นใหม่ได้หรือไม่? อย่างมีสารจากนายกรัฐมนตรีว่าให้ผู้ใหญ่สอดส่องดูแลลูกหลานของตนและบุคคลใกล้ชิด จากข่าวบิดเบือนในโซเชียล ภาพกลับกันคือวัยรุ่นแห่เดินเข้าบูทสำนักพิมพ์ “ฟ้าเดียวกัน” เพื่อจะหามาอ่านว่า เนื้อหาของสำนักพิมพ์นี้เป็นอย่างไร?
พรรคสีส้มจึงโดนเยอะหน่อย ทั้งคดีม.116 เรื่องความมั่นคง ของธนาธร และมือขวาอย่าง “ปิยบุตร แสงกนกกุล” อดีตอาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
และเรื่องวุ่นๆ ของหุ้น “บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด” ว่าแต่มันเป็นบริษัทอะไร และใครเข้าไปเกี่ยวข้องบ้าง ทำให้ในวันนี้ Wealthy Thai จะพาไปทำความรู้จักกัน
ชื่อบริษัทวี-ลัค พอได้ยินแล้วอาจจะถามซ้ำอีกทีว่าเป็นบริษัทอะไร? เพราะชื่อไม่คุ้นหูเลย แต่ถ้าบอกว่า เป็นบริษัทของนิตยสาร “WHO?” ก็คงร้องอ๋อ! กันใช่มั้ยล่ะ แม้ว่าจะปิดตัวไปแล้วก็ตาม
แล้ว WHO? มีอิทธิพลยังไง
ถ้าสังเกตดีๆ WHO? ก็เหมือน Hello เมืองไทย นิตยสารของเซเลบริตี้และราชวงศ์! ซึ่งแม้ว่าจะมี Hello Thailand แต่โพซิชั่นนิ่งของ WHO? ก็อยู่ในหมวดเดียวกันคือ บอกเล่าหรือถ่ายทอดเรื่องราวของคนดังเป็นหลัก
ใครเคยขึ้นปก WHO? บ้าง ก็เช่นอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, นวลพรรณ ล่ำซำ, อนุทิน ชาญวีรกูล, สงกรานต์ อิสสระ,สงกรานต์ เตชะณรงค์, ม.ล.สราลี กิติยากร กับลูกชายฝาแฝด สุทธกิตติ์-สิทธิกิตติ์ จิราธิวัฒน์, กรณ์ ณรงค์เดช, ณพาภรณ์ โพธิรัตนังกูร เป็นต้น
ที่มาของบริษัท วี-ลัค นอกจากจะเคยผลิตนิตยสาร WHO? แล้ว ปัจจุบันยังทำนิตยสารฟรีก็อปปี้ Jib Jib ของสายการบินนกแอร์ และรับทำนิตยสารให้กับธนาคารไทยพาณิชย์ด้วย ถือหุ้นโดย “ตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ”
ใครถือหุ้น? สรุปข้อมูลจากสำนักข่าวอิศรา ดังนี้
เป็นเรื่องเป็นข่าวขึ้นมาทันทีว่า การแจ้งเปลี่ยนชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัท วี-ลัคฯ หลังวันสมัครรับเลือกตั้ง หรือในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ทำได้หรือไม่? ซึ่งต่อมาในเรื่องนี้ ธนาธรแถลงผ่าน Facebook โดย Wealthy Thai จะสรุปมา ดังนี้
1.ธนาธรถือหุ้นในบริษัทดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 12 มกราคม 2558 – 8 มกราคม 2562
2.หลังจากนั้นโอนหุ้นให้แม่หรือนางสมพร ลงวันที่ 8 มกราคม 2562 โดยมีพยานลงลายมือชื่อรับรอง และจ่ายเช็ค เป็นเงินจำนวน 6,750,000 บาท
3.นางรวิพรรณ ซึ่งเป็นภรรยานายธนาธร ก็โอนหุ้นให้นางสมพรเช่นเดียวกัน
4.การโอนหุ้นดังกล่าว ได้มีการจดแจ้งการโอนและรับโอนหุ้นลงในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นของบริษัทในวันที่ข้างต้น
มีคำถามจากนักข่าวว่า โอนหุ้นให้นางสมพรทั้งหมด แล้วทำไมจำนวนผู้ถือหุ้นยังมี 10 คนเท่าเดิม
นายธนาธรอธิบายต่อว่า เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2562 นางสมพรได้โอนหุ้นจำนวน 675,000 หุ้น ให้หลานชายคนที่ 1 และในวันเดียวกัน ได้โอนหุ้นจำนวน 225,000 หุ้น ให้หลานชายคนที่ 2 (มีพยานและลงลายมือชื่อในตราสารโอนหุ้นต่อหน้าทนายความ) ทำให้ผู้ถือหุ้นคงเหลือจำนวน 10 คน ทั้งนี้ในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2562 หรือในวันที่ 19 มีนาคม 2562 มีวาระเรื่องการลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัทของนางรวิพรรณ
ส่วนตัวธนาธรเอง บอกว่าไม่ได้เข้าประชุม เพราะไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นแล้วหลังโอนหุ้นไปเรียบร้อย บวกกับวันดังกล่าวหาเสียงอยู่ที่สุราษฎร์ธานีและกระบี่ทั้งวัน ตามที่ปรากฏเป็นข่าวโดยทั่วไป
ยังซับซ้อนไม่พอ!
หลังจากนั้นในวันที่ 21 มีนาคม 2562 หลานทั้ง 2 โอนหุ้นกลับให้นางสมพร ขณะเดียวกัน ผู้ถือหุ้น 3 ราย ก็โอนหุ้นวี-ลัค ให้กับนางสมพรด้วย พร้อมกับส่งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัท ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุจำนวนผู้ถือทั้งหมดของวี-ลัคฯ
ส่งผลให้นางสมพรถือหุ้น 675,000 หุ้น (เดิม) + 675,000 หุ้น +225,000 หุ้น +225,000 หุ้น+ 225,000 หุ้น +225,000 หุ้น
จากคำชี้แจงของธนาธร จึงไม่น่าจะกระทบอะไร เพราะโอนหุ้นก่อนยื่นในสมัครรับเลือกตั้ง ไม่ขาดคุณสมบัติแน่ๆ แต่ก็มีข้อมูลจากสำนักข่าวอิศราว่า ในวันที่มีการโอนหุ้นนายธนาธรหาเสียงอยู่บุรีรัมย์! ยังไงกันแน่เนี่ย
ไขคำตอบ!
จากที่สรุปมา สำนักข่าวอิสราโฟกัสในประเด็น 2 ข้อ คือ
สำหรับข้อแรกไม่มีความสงสัยแล้วนะ เพราะถ้าเรียงวันที่ ก็ไม่มีอะไรชอบมาพากล การโอนกลับไปกลับมา ก็ทำได้อยู่แล้ว ส่วนข้อที่ 2 ที่สำนักข่าวอิศราต้องข้อสังเกตว่ามีการโอนย้อนหลังหรือไม่ เรื่องนี้ทางหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ยังให้คำตอบไม่เคลียร์!
นั่นแหละอย่างที่บอก การยืนอยู่บนเวทีการเมือง เหมือนมีสปอตไลท์ ซึ่งถ้าไม่พูดความจริง ก็ยังมีมุมอื่นๆ ที่จะถูกขุดคุ้ยในอนาคตอยู่ดี...
ที่มา
https://bit.ly/2G1E2c5
https://www.isranews.org/isranews-scoop/75047-report00-75047.html
https://www.isranews.org/isranews-scoop/75308-isranews-75322.html
https://www.isranews.org/isranews-news/75289-isranews-75289.html