“บลจ.บัวหลวง”...จับมือ “กลุ่มบริษัท เค.อี.” ตั้งกองทรัสต์ศูนย์การค้า

>>

“บลจ.บัวหลวง”...จับมือ “กลุ่มบริษัท เค.อี.” ตั้งกองทรัสต์ศูนย์การค้าและธุรกิจใกล้เคียง ประเดิมครั้งแรกศูนย์การค้าไลฟ์สไตล์ 10 โครงการ มูลค่าสินทรัพย์กว่า 11,000 ล้านบาท โดยสินทรัพย์บางส่วนจะมาจากการแปลงสภาพของ ‘กอง CRYSTAL’


นายพรชลิต พลอยกระจ่าง รองกรรมการผู้จัดการ
Head of Real Estate & Infrastructure Investment  บลจ.บัวหลวง จำกัด (กองทุนบัวหลวง) เปิดเผยว่า หากการจัดตั้งกองทรัสต์นี้สำเร็จจะเป็นกองแรกของไทยที่มีผู้จัดการกองทรัสต์ 2 รายร่วมกันบริหาร คือ ‘บลจ.บัวหลวง’ ที่มีความเชี่ยวชาญการบริหารกองทุน และ ‘บจ.เค.อี.รีท แมเนจเมนท์’ ภายใต้กลุ่มบริษัทเค.อี. ที่ความชำนาญด้านพัฒนาและบริหารอสังหาริมทรัพย์ ทั้งประเภทที่อยู่อาศัยและโครงการศูนย์การค้า


สำหรับสินทรัพย์ที่คาดว่าจะลงทุนครั้งแรกในสิทธิการเช่าระยะยาว ศูนย์การค้าแบบไลฟ์สไตล์ 10 โครงการ มูลค่าสินทรัพย์กว่า 11,000 ล้านบาท โดยสินทรัพย์บางส่วนจะมาจากการแปลงสภาพของ ‘กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์คริสตัล รีเทล โกรท (CRYSTAL)’ ที่ขณะนี้อยู่ในกระบวนการขอแปลงสภาพจากผู้ถือหน่วยลงทุนเดิม การจัดตั้งกองทรัสต์ในครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายที่จะก่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อผู้ถือหน่วยลงทุนของ CRYSTAL เดิม ทั้งจะเปิดโอกาสสำหรับนักลงทุนใหม่ เพราะเมื่อแปลงสภาพเป็นกองทรัสต์แล้ว ก็จะมีการลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง อันเป็นส่วนสำคัญต่อการขยายฐานรายได้ให้มีโอกาสเติบโตต่อเนื่องได้ในระยะยาว

 
( นายพรชลิต พลอยกระจ่าง )


“การมีผู้จัดการกองทรัสต์ 2 ราย จะช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เนื่องจากจะมีการใช้จุดแข็งของประสบการณ์ในการบริหารกองทุน ประกอบกับความชำนาญในการพัฒนาและบริหารอสังหาริมทรัพย์มาบริหารงานร่วมกัน การบริหารงานจะมีความเป็นอิสระ ทั้งยังมีความคล่องตัวในการคัดเลือกลงทุนในสินทรัพย์ โดยคำนึงถึงผลตอบแทนของผู้ถือหน่วยทรัสต์เป็นหลัก พร้อมทั้งจะให้ความสำคัญกับลูกค้า ร้านค้า และสร้างความสำเร็จให้ศูนย์การค้าได้ต่อไปในระยะยาว”


นายพรชลิต ยังกล่าวอีกว่า การจัดตั้งกองทรัสต์ครั้งนี้ มีเป้าหมายต้องการพัฒนากองทรัสต์ในประเทศไทยให้เติบโตทัดเทียมกับกองทรัสต์ในต่างประเทศ โดยจะมีความคล่องตัวในการลงทุนโครงการต่างๆ ที่เป็นสินทรัพย์คุณภาพดีและมีศักยภาพเติบโตในระยะยาว อีกทั้งมีข้อได้เปรียบจากการกระจายตัวของสินทรัพย์ในแหล่งที่อยู่อาศัยที่หลากหลาย จะช่วยสนับสนุนให้สินทรัพย์ที่เข้าไปลงทุนมีความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น และสามารถบริหารต้นทุนการดำเนินงานได้คุ้มค่ามากขึ้น อันจะส่งผลให้สามารถจ่ายผลตอบแทนแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ได้อย่างมั่นคงและสม่ำเสมอ


“การลงทุนในกองทรัสต์ เป็นการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก ที่มีระดับความเสี่ยงและการให้ผลตอบแทนกึ่งกลางระหว่างการลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการลงทุนตลอดทุกช่วงวัฎจักรเศรษฐกิจ (Staying Invested Through All Market Cycles) ได้ดี โดยกองทรัสต์มีศักยภาพในการเติบโต มีความมั่นคงของรายได้ ทำให้นักลงทุนมีโอกาสรับผลตอบแทนสม่ำเสมอและเติบโตไปพร้อมๆ กับธุรกิจได้ ภายใต้ความเสี่ยงที่ไม่สูงเกินไป”


นายพรชลิต กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการสำรวจข้อมูลในต่างประเทศ พบว่า กองทรัสต์ประเภทที่ลงทุนในคอมมูนิตี้และไลฟ์ไสตล์ มอลล์ ในสหรัฐอเมริกา จีน และฮ่องกง โดยเฉลี่ยมีผลตอบแทนและการเติบโตสูงกว่ากองทรัสต์ประเภทอื่น เช่น กองทรัสต์ประเภทช้อปปิ้งมอลล์ขนาดใหญ่ และยังมีความสามารถปรับตัวรับมือกับ Disruption ที่เกิดจากอี-คอมเมิร์ซ ได้ดีกว่า ในประเทศไทยยังไม่มีกองทรัสต์ประเภทนี้ หากจัดตั้งกองทรัสต์นี้ได้ คาดว่าจะเป็นส่วนสำคัญช่วยขับเคลื่อนตลาดทุนไทยให้เติบโตเช่นเดียวกับตลาดต่างประเทศได้


นางศุภานวิต เอี่ยมสกุลรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เค.อี.
กล่าวว่า กลุ่มบริษัทเค.อี. มีประสบการณ์พัฒนาและบริหารอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอมมูนิตี้ มอลล์มาเป็นระยะเวลากว่า 12 ปี ความร่วมมือกับบลจ.บัวหลวงจัดตั้งกองทรัสต์ในครั้งนี้ จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะทำให้กลุ่มบริษัทเค.อี.ได้แสดงศักยภาพความเป็นมืออาชีพเข้าไปบริหารโครงการเพิ่มเติม และทำให้โครงการเหล่านั้นสร้างผลการดำเนินงานได้ดีขึ้น


“ความร่วมมือกับบลจ.บัวหลวงจะช่วยเพิ่มโอกาสรับประโยชน์จากการเพิ่มมูลค่าและสร้างผลตอบแทนที่ดี โดยเราจะร่วมกันบริหารสินทรัพย์ภายใต้แนวคิดเน้นการเติบโตที่มั่นคง ต่อเนื่องและยั่งยืน (Strategic Growth REIT) ด้วยการลงทุนเพิ่มในศูนย์การค้าต่างๆ ทุกปี พร้อมเพิ่มศักยภาพการรวบรวมโครงการศูนย์การค้าต่างๆ เข้าด้วยกัน อันเป็นการผสมผสานสูตรความสำเร็จร่วมกันด้านการตลาด ลูกค้าสัมพันธ์และการบริหารศูนย์การค้า”

 
( นางศุภานวิต เอี่ยมสกุลรัตน์ )


สำหรับธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย ล่าสุด ณ สิ้นปี 2018  มีพื้นที่ขายโดยรวมประมาณ 7.5 ล้านตารางเมตร โดยพื้นที่กว่า 5 ล้านตารางเมตร เป็นพื้นที่ของผู้ประกอบการขนาดกลางลงมา ขณะเดียวกันธุรกิจค้าปลีกในประเทศเพื่อนบ้านมีการเติบโตต่อเนื่อง จึงเป็นโอกาสของกองทรัสต์ในการเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีศักยภาพ ภายหลังเข้าบริหารโครงการต่างๆ ที่กองทรัสต์เข้าลงทุนแล้ว เราจะนำเทคโนโลยีและระบบดิจิทัลมาใช้พัฒนาศูนย์การค้าอย่างจริงจัง  โดยปัจจุบัน กลุ่มบริษัทเค.อี.  นำระบบซอฟต์แวร์ อีอาร์พี ยาร์ดี จากสหรัฐมาพัฒนาพอร์ตโฟลิโอด้านการบริหารร้านค้าและศูนย์การค้า


นอกจากนี้ ยังริเริ่มนำระบบแอปพลิเคชันสำหรับสะสมแต้มที่ทันสมัยที่สุดมาให้ลูกค้าในศูนย์การค้า เพื่อจูงใจให้เข้ามาใช้บริการ ทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของการมอบประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า และจะสร้างพันธมิตรร่วมกับบริษัทเทคโนโลยีหลายๆ ด้าน เช่น อี-คอมเมิร์ซ ส่งอาหาร โลจิสติกส์ การเดินทาง และสุขภาพ เป็นต้น