โบรกฯ ให้น้ำหนักปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก สรุปหุ้นเดือนเม.ย.แกว่งผันผวน

>>

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้น้ำหนักปัจจัยต่างประเทศมากกว่าปัจจัยการเมือง โดยในช่วงเดือนพฤษภาคม ให้น้ำหนักการลงทุนจากปัจจัยต่างประเทศ เหนือปัจจัยการเมืองในประเทศ ดังนั้นจึงแนะนักลงทุนให้ความสำคัญกับการรายงานผลประกอบการกลุ่มธนาคารและค้าปลีก ผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ทิศทางราคาน้ำมันดิบ

 

โดยนอกเหนือจากประเด็นที่สหรัฐยุติการผ่อนปรนให้ 8 ประเทศ นำเข้าน้ำมันจากอิหร่านแล้ว แนะนักลงทุนติดตามประเด็นอิหร่าน เตรียมตอบโต้ด้วยการขู่ปิดช่องแคบ hormuz โดยหากเกิดขึ้นจริง คาดเป็นปัจจัยผลักดันราคาน้ำมันดิบต่อเนื่อง เพราะช่องทางดังกล่าวมีความสำคัญในการขนส่งน้ำมันและก๊าซ LNG จากตะวันออกกลางไปยังหลายภูมิภาค นำโดยเอเชีย, ยุโรปและอเมริกา ซึ่งมีการประเมินว่าน้ำมันกว่า 20% ของโลกถูกลำเลียงผ่านเส้นทางดังกล่าว

 

ขณะที่ปัจจัยการเมืองในประเทศ มีมุมมองเป็นกลาง ล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 7:2 ไม่รับวินิจฉัยสูตรคำนวณส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ซึ่งจะทำให้อำนาจตัดสินใจกลับมาอยู่ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และหากอิงจากก่อนหน้าที่มีการยื่นศาล กกต.ได้เคยระบุผลการเลือกตั้งครั้งนี้มีโอกาสที่จะมีพรรคสูงกว่า 25 พรรค ที่ได้ส.ส.ในสภาครั้งนี้ ทำให้ผลครั้งนี้อาจไม่ต่างจากเดิม

 

อย่างไรก็ตามเราแนะนักลงทุนรอการแถลงอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 9 พฤษภาคม ทั้งนี้ปัจจุบันตลาดหุ้นได้สะท้อนในเชิงที่พรรคพลังประชารัฐมีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลได้ และตลาดหุ้นจะแกว่งตัวตามความห่างของคะแนนระหว่าง 2 ขั้วพรรค

 

Investment Theme : ประเมิน SET เดือนเมษายน แกว่งตัวผันผวนในกรอบขาขึ้นที่บริเวณ 1,630 - 1,680 จุด คงคงคำแนะนำถือเงินสดไม่ต่ำกว่า 40% พร้อมแนะนำถือ PTTEP, BEM, BJC