Hightlight
- บมจ.ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ หรือ TITLE ระบุถึงผลการดำเนินงานของบริษัทฯในไตรมาส 1/62 มีรายได้จากการขาย 518.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 437.27 ล้านบาท หรือ 535.93%
- มาตรการกำกับดูแล
สินเชื่อที่อยู่อาศัยโดยกำหนดอัตราสินเชื่อต่อมูลค่าที่อยู่อาศัย (แอลทีวี) - เตรียมเปิดโครงการใหม่ช่วงท้ายปี มูลค่า 5,000 ล้านบาท
นายศศิพงษ์ ปิ่นแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในไตรมาส 1/62 มีรายได้จากการขาย 518.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 437.27 ล้านบาท หรือ 535.93% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 81.59 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 114.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 101.67 ล้านบาท หรือ 778.48% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 13.06 ล้านบาท ขณะที่กำไรต่อหุ้นในไตรมาส 1/62 อยู่ที่ 0.26 บาท
“ถือเป็นไตรมาสที่ TITLE ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก รายได้และกำไรเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากยอดโอนที่มีเข้ามาตั้งแต่ต้นปี ทั้งจากโครงการหาดในยางเฟส 1 และเฟส 2 มูลค่าโครงการประมาณ 1,400 ล้านบาท ซึ่งถือว่าปิดการขายแล้ว และก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2561 คาดว่าจะโอนหมดในปี 2563 ทั้งนี้บริษัทมีแผนที่จะเปิดโครงการหาดในยาง เฟส 3 มูลค่าโครงการประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท ในช่วงไตรมาส 4/62 และคาดว่าจะสามารถโอนและเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงปี 64 เป็นต้นไป”
มั่นใจว่าแนวโน้มรายได้ในปี 2562 จะเติบโตทะลุเป้าหมายที่วางไว้ที่ 1,000 ล้านบาท ได้อย่างแน่นอน เนื่องจากโครงการอสังหาฯของ TITLE ที่เปิดในแต่ละหาด ถือเป็นอสังหาทางเลือกของจังหวัดภูเก็ต ที่ตอบโจทย์ลูกค้าชาวต่างชาติและชาวไทย เปิดทางให้ได้เป็นเจ้าของสินทรัพย์โดยไม่ต้องเช่า แต่สามารถตีกลับเป็นรายได้จากการเช่า ซึ่งถือเป็นรูปแบบการลงทุนที่คุ้มค่า
ความคืบหน้าโครงการ
สำหรับความคืบหน้าโครงการของ TITLE ในส่วนของหาดราไวย์ 1. โครงการหาดราไวย์ เฟส 3 มูลค่าโครงการประมาณ 1,100 ล้านบาท โครงการแล้วเสร็จและโอนแล้วเกือบ 100% 2.โครงการหาดราไวย์ เฟส 5 มูลค่าโครงการประมาณ 1,100 ล้านบาท เปิดการขายในเดือน พฤศจิกายน 2561 มียอดขายแล้วประมาณ 20% คาดว่าจะก่อสร้างเสร็จและเริ่มโอนได้ปี 2563
“สำหรับมาตรการคุมเข้มปล่อยกู้ซื้อบ้านของแบงก์ชาติ บริษัทไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากลูกค้ากว่า 80% เป็นชาวต่างชาติ ไม่ได้ใช้สินเชื่อจากสถาบันการเงิน ประกอบกับการวางเงินดาวน์ในสัดส่วนสูง 50-75% ถือเป็นการปิดความเสี่ยงการทิ้งดาวน์ไปได้เลย นี่คือจุดเด่นที่สำคัญของ TITLE ซึ่งต่างจากผู้ประกอบการอสังหาฯ ทั่วไป” นายศศิพงษ์กล่าว