เอกชนหั่นเป้าส่งออกปีนี้เหลือ 3% เหตุสงครามการค้ายังไม่นิ่ง ลุ้นหน้าตารัฐบาลใหม่

>>

สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือฯ ปรับคาดการณ์ตัวเลขส่งออกปีนี้เหลือ 3% จากเป้าหมายเดิม 5% ห่วงสงครามการค้าไร้ข้อยุติ ติงขึ้นค่าแรงขั้นต่ำกระทบเอสเอ็มอี


น.ส.กัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์การส่งออกของไทยเดือนมีนาคม ปรับลดลง 4.9% มีมูลค่า 21,440 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้การส่งออกไตรมาสแรกปีนี้การส่งออกติดลบ 1.6% หรือมีมูลค่า 61,987.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีปัจจัยจากความวิตกกังวลปัญหาสงครามการค้าสหรัฐและจีน แม้จะมีการเจรจาเกิดขึ้นแต่ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน ซึ่งเชื่อว่าการส่งออกช่วงไตรมาส 2 ยังติดลบต่อเนื่อง แต่ยังไม่มากนัก ขณะที่ความเคลื่อนไหวอัตราแลกเปลี่ยนยังมีความผันผวน รวมถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันเริ่มกลับมามีราคาสูงขึ้นในตลาดโลก ทำให้เป็นตัวกดดันภาคการส่งออกเดือนมีนาคมและไตรมาสแรก


"ภาพรวมการส่งออกปีนี้ คาดจะโตเพียง 3 % หรือเฉลี่ยต่อเดือน 22,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้มาก แต่หากจะให้โตถึง 5% ต้องผลักดันส่งออกในช่วง 9 เดือนที่เหลือต่อเดือนไม่ต่ำ 22,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือว่าลำบากพอสมควร" น.ส.กัณญภัค กล่าว


อย่างไรก็ตามทางสรท.มีข้อเสนอแนะสำคัญต่อรัฐบาลใหม่ ประกอบด้วย

  1. ภาครัฐควรสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางการส่งออกสินค้าและการแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของภูมิภาค ซึ่งปัจจัยของการปรับปรุงเรื่องกฎระเบียบการค้าให้เหมาะสม ลดขั้นตอนทางกฎหมายที่มีความซ้ำซ้อนออก (Regulatory Guillotine)

    รวมถึงขั้นตอนการขออนุญาตให้นำเข้าวัตถุดิบเพื่อนำมาผลิตแล้วส่งออก เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการให้สามารถส่งออกและส่งเสริมให้เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (EEC) เป็นฐานการผลิตของภูมิภาคได้อย่างแท้จริง

  2. ความแปรปรวนจากภูมิอากาศที่ร้อนจัดก่อให้เกิดภัยแล้งในปัจจุบัน ภาครัฐควรสนับสนุนให้เกษตรกรจัดการพื้นที่ปลูกพืชตามความเหมาะสมแต่ละพื้นที่ (Agriculture Zoning) รวมถึงการทำเกษตรพันธะสัญญา (Contract Farming)ซึ่งจะเป็นผลดีต่อทั้งเกษตรกรและผู้ส่งออกสินค้าเกษตร เนื่องจากจะทำให้ได้สินค้ามีคุณภาพดีและการจัดการความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาสินค้าเกษตรได้

  3. ภาครัฐควรเร่งจัดกิจกรรม Roadshow เพื่อพานักธุรกิจไทยไปเปิดตลาดและเจรจาการค้าระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น


น.ส. กัณญภัค กล่าว่า ตอนนี้สิ่งที่อยากเห็นมากที่สุด คือ สงครามการค้าสหรัฐและจีนยุติลง รวมถึงหน้าตารัฐบาลใหม่ที่ออกมาแล้วไม่มีปัญหาความวุ่นวายตามมา ส่วนการเพิ่มอัตราค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำที่จะมีความชัดเจนวันที่ 10 พ.ค.นี้ หากปรับเพิ่มมากเกินไปก็จะกระทบต่ออุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี)