โบรกฯ มอง Tradewar กลับมากดดันหุ้นโลกอีกครั้ง หลังทรัมป์ขู่ปรับขึ้นภาษีนําเข้าสินค้าจีน
>>
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ให้น้ำหนักกับประเด็นนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ขู่เก็บภาษีสินค้านําเข้าจากจีน ผลกระทบขึ้นอยู่กับปฏิกิริยาตอบโต้ของจีนว่าจะมีขึ้นหรือไม่หรือ จะยังเดินหน้าเจรจาเพื่อยุติข้อพิพาทต่อ เนื่องจากวันอาทิตย์ที่ผ่านมาทรัมป์ทวิตข้อความขู่ว่าสหรัฐจะปรับขึ้นภาษีนําเข้าสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ฯ เป็น 25% จากเดิม 10% และจะเรียกเก็บภาษีสินค้านําเข้า จากจีนเพิ่มอีก 3.25 แสนล้านดอลลาร์ในอัตรา 25% จึงมองผลกระทบจะขึ้นอยู่กับปฏิกิริยาตอบโต้ของ ทางการจีนคือ
- จีนไม่ตอบโต้และส่งทีมเจรจาไปที่สหรัฐในวันศุกร์นี้ เพื่อเดินหน้าเจรจาและยุติข้อพิพาท แนวทางนี้จะเป็นบวกเพราะการขู่ของสหรัฐเป็นเพียงการขู่ เพื่อให้จีนเร่งดําเนินการตามที่สหรัฐต้องการ
- กรณีเลวร้ายคือ จีนยุติการเจาจาและประกาศตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีในมูลค่าและอัตราที่เท่ากัน หากเกิดกรณีนี้จะทําให้ปัญหายิ่งรุนแรงและยืดเยื้อมากยิ่งขึ้นเป็นลบต่อภาคการค้าและการลงทุนของโลก
ส่วนราคาน้ำามันดิบประคองตัวหลังจากที่ลดลงแรงในช่วงสัปดาห์ก่อนหน้า นักลงทุนรอดูสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับอิหร่าน จากราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 0.31$ (+0.5%) ปิดที่ 62.25$/bbl น้ํามันดิบค่อยๆ ฟื้นตัวหลังจากที่ลดลงไปทดสอบแนวรับจิตวิทยาที่ระดับ 60$/bbl ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยหนุนจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับอิหร่านหลังจากสหรัฐเตรียมส่งกองกําลังทหารไปตะวันออกกลาง เพื่อรับมือการคุกคามของอิหร่านที่อาจจะตอบโต้สหรัฐหลังจากที่ถูกสหรัฐประกาศคว่ำบาตรอิหร่านรอบใหม่
การเมืองในประเทศจะเข้มข้นมากขึ้น โดยในวันที่ 7- 8 พฤษภาคม คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นัดประกาศรับรองผลสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เขตและบัญชีรายชื่อ และวันที่ 8 พฤษภาคม ศาลรัฐธรรมนูญนัดลงมติตีความสูตรคํานวณส.ส.บัญชีรายชื่อที่กกต.ใช้ประกาศขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ อย่างไรก็ตามแม้จะรู้ผลคะแนนอย่างเป็นทางการแล้ว แต่เชื่อว่าภาพการเมืองจะยังไม่ชัดเจน โดยคาดว่าผลคะแนนที่ออกมาจะยังก้ํากึ่ง ทําให้ต้องไปดูคะแนนเสียงการโหวตเลือกนายกฯ ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นในการประชุมรัฐสภานัดแรกในวันที่ 24 พฤษภาคมนี้
แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้
มุมมองเป็นลบคาด SET Index อ่อนตัวทดสอบโซนแนวรับ 1,660 – 1,665 จุด จากความกังวล Tradewar กลับมากดดันภาวะการลงทุนทั่วโลกอีกครั้งหลังทรัมป์ขู่ปรับขึ้นภาษีนําเข้าสินค้าจีน ส่งผลให้ภาพการลงทุนเป็นลบ และกดดันให้กระแสฟันด์โฟลว์ต่างชาติมีแนวโน้มไหลออก อย่างไรก็ตามคาดว่าสถานการณ์จะผ่อนคลายลง หากรองนายกฯ จีนเดินทางไปสหรัฐ เพื่อเจรจายุติสงครามการค้าระหว่างสองประเทศในวันที่ 9 – 10 พฤาภาคม นอกจากนี้คาดว่าแรงซื้อดักงบไตรมาส 1/2562 ที่เติบโตขึ้น จะช่วยหนุนให้ดัชนีสลับเด้งรีบาวด์ในช่วงอ่อนตัวได้
กลยุทธ์การลงทุน Selective Buy กลุ่มที่มีปัจจัยบวกสนับสนุน
- Domestic Play กลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF, EGCO, RATCH, BGRIM) ได้ประโยชน์จาก PDP ฉบับใหม่
- กลุ่มส่งออก (GFPT, TU, TFG) อานิสงส์เงินบาทอ่อนค่าลงและคาดกําไรไตรมาส 1/2562 ขยายตัวขึ้น
- กลุ่มที่คาดว่างบไตรมาส 1/2562 จะเติบโตขึ้น BDMS, BCH, CPN, EA, SGP, GFPT, JMT
หุ้นแนะนําวันนี้
BDMS (ปิด 25.75 ซื้อ/เป้า 30) ผ่านพ้นช่วงการลงทุนใหญ่มาแล้ว ต่อจากนี้จะเริ่มเก็บเกี่ยวผลกําไร อีกทั้งยังมี Sentiment บวกจาก MSCI ปรับเพิ่มน้ําหนักการลงทุนรอบใหม่มีผล 29 พฤษภาคมนี้
BEM (ปิด 11.2 ซื้อ/เป้า 11.8) ยังมั่นใจได้ต่อสัญญาสัมปทานทางด่วนอีก 30 ปี เพิ่ม Valuation ให้ BEM 2-2.5 บาทต่อหุ้น อีกทั้งยังปลดล็อก Overhang ของสัญญาสัมปทานเดิมที่จะหมดอายุในปีหน้า ด้านกําไรปกติปีนี้คาด เพิ่มขึ้นเป็น 4,500 ล้านบาท เติบโต 35% yoy