Hightlight
-
JWD โชว์ผลงานไตรมาส 1/62 ทำรายได้รวมอยู่ที่ 896.8 ล้านบาท เติบโต 34.9% และกำไรสุทธิ 89.2 ล้านบาท โต 113.9% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากกลุ่มธุรกิจรับฝากและบริหารสินค้า และกลุ่มขนส่งสินค้าและกลุ่มอาหารเติบโตได้ดี
-
ส่วนไตรมาส 2/62 เตรียมรับรู้ส่วนแบ่งกำไรหลังเข้าลงทุนใน TRANSIMEX ที่เวียดนาม และเก็บเกี่ยวผลกำไรจากการร่วมทุนขยายธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์เฉพาะทางสำหรับสินค้าขนาดใหญ่พิเศษ และขยายบริการโลจิสติกส์แบบ B2B และ B2C ให้แก่ลูกค้าในธุรกิจอี-คอมเมิร์ช
ดร.เอกพงษ์ ตั้งศรีสงวน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD ผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนระดับอาเซียน เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1/62 (มกราคม-มีนาคม 2562) สามารถสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยมีรายได้รวม 896.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 664.9 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 89.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 113.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 41.7 ล้านบาท ถือว่าบริษัทฯ มีการเติบโตที่ดีตามเป้าหมายแม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงต้นปีอาจไม่ได้ขยายตัวมาก
ปัจจัยการเติบโตในไตรมาส 1/62 เกิดจากกลุ่มธุรกิจหลักส่วนใหญ่มีผลการดำเนินงานที่ดี ประกอบกับธุรกิจที่เข้าลงทุนในช่วงที่ผ่านมาสามารถสร้างรายได้และผลกำไรเป็นที่น่าพอใจ ได้แก่
1. กลุ่มธุรกิจบริการรับฝากและบริหารสินค้า มีรายได้รวม 494 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 10.5% โดยมาจากธุรกิจบริหารจัดการสินค้าอันตราย มีรายได้ 139.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 13.8% และมีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 46.9% ธุรกิจห้องเย็น มีรายได้ 156.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 18.2% และมีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 40.6% ธุรกิจรับฝากและบริหารยานยนต์ มีรายได้ 115.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 9.5% และมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 32.8%
2. กลุ่มธุรกิจบริการขนส่งสินค้า มีรายได้รวม 129.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 17%
3. กลุ่มธุรกิจอาหารในประเทศไต้หวัน มีรายได้รวม 151.9 ล้านบาท
“โดยรวมถือว่าปีนี้ JWD ออกสตาร์ตได้ดี มีผลการดำเนินงานไตรมาสแรกที่น่าพอใจ เช่น ธุรกิจบริหารจัดการสินค้าอันตรายที่มีรายได้นิวไฮ เนื่องจากมีลูกค้าใช้บริการต่าง ๆ และมีปริมาณสินค้าอันตรายที่ผ่านเข้า-ออกท่าเรือแหลมฉบังจำนวนมาก กลุ่มธุรกิจขนส่งสินค้าก็มีลูกค้าใช้บริการอย่างต่อเนื่องทั้งงานขนส่งในประเทศและขนส่งข้ามแดน รวมถึงขยายบริการขนส่งสินค้าทางรางต่อเนื่องจากปีก่อน” ดร.เอกพงษ์ กล่าว
ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JWD กล่าวเพิ่มว่า ปีนี้ถือเป็นปีที่บริษัทฯดำเนินธุรกิจครบ 40 ปี โดย JWD ได้ยกระดับสู่การเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนระดับอาเซียน โดยจัดโครงสร้างธุรกิจใหม่แบ่งออกเป็น 4 ขา ได้แก่ ธุรกิจโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ธุรกิจอาหาร ธุรกิจไอทีโซลูชั่นส์ และธุรกิจอินเวสเม้นต์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน ส่วนการดำเนินธุรกิจในปี 2562 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายเติบโตประมาณ 15-20% จากปีก่อนที่มีรายได้จากการให้เช่าและบริการ 3,208 ล้านบาท ปัจจัยจะมาจากการขยายตัวของธุรกิจหลัก
โดยในเดือนมิถุนายนนี้คาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการห้องเย็นแห่งใหม่ (อาคาร 8) ในย่านมหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อตอบสนองความต้องการใช้บริการจัดเก็บสินค้าแช่เย็นและแช่แข็งที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จุดเด่นคือเป็นห้องเย็นสาธารณะแห่งแรกในประเทศไทยที่ใช้ระบบโรโบติกส์โดยใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์จัดการสินค้า ช่วยทดแทนการใช้แรงงานคนประมาณ 50% ซึ่งจะส่งผลดีต่อการบริหารต้นทุนในระยะยาว
ขณะเดียวกันจะเก็บเกี่ยวรายได้และผลกำไรจากธุรกิจที่ขยายการลงทุนไปแล้ว โดยช่วงไตรมาส 2/62 จะเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการเข้าลงทุนถือหุ้น 23.66% ในบริษัท TRANSIMEX CORPORATION ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์อย่างครบวงจรรายใหญ่อันดับ 3 ในประเทศเวียดนามและจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ นอกจากนี้ในการร่วมทุนกับ Bok Seng (บ๊อกเส็ง) เพื่อให้บริการโลจิสติกส์เฉพาะทางสำหรับสินค้าขนาดใหญ่พิเศษ (Project Cargo Logistics) ในประเทศไทยและ สปป.ลาว และการร่วมทุนกับ CJ Logistics ผู้ให้บริการโลจิสติกส์รายใหญ่จากเกาหลีใต้ ขยายฐานลูกค้าแบบ B2B และ B2C ในไทย คาดว่าจะเริ่มดำเนินธุรกิจและทยอยสร้างผลกำไรให้แก่บริษัทฯ ในครึ่งปีหลังของปีนี้เป็นต้นไป
“เชื่อว่าในปีนี้จะเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องของบริษัทฯ เนื่องจากธุรกิจที่ขยายการลงทุนในปีก่อน เช่น ธุรกิจอาหารในไต้หวันจะเริ่มรับรู้รายได้เต็มปีในปีนี้และมีลูกค้าเข้าใช้บริการเพิ่มเติม ส่วนการร่วมทุนกับ Bok Seng เชื่อว่าจะได้รับผลดีการขยายการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานในประเทศไทย และการร่วมกับ CJ Logistics เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าธุรกิจอี-คอมเมิร์ชในไทยที่เติบโตอย่างรวดเร็ว” นายชวนินทร์ กล่าว