จบไปแล้วกับการจัดตั้งรัฐบาลที่ยาวนานกว่า 2 เดือน หลังพรรคภูมิใจไทย ได้เข้าร่วมรัฐบาลพลังประชารัฐไปแล้ว ในอีกด้านหนึ่งความร่ำรวยของหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ‘อนุทิน ชาญวีรกุล’ ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ โดย 62 วัน เขากลับมีพอร์ตหุ้นมูลค่าถึง 2.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.53 % ความร่ำรวยนี้มาจากไหน เราจะมาหาคำตอบ
พรรคภูมิใจไทย ที่นำทีมโดย ‘เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกุล’ หัวหน้าพรรค ที่ตอบรับขบวนขันหมากของพลังประชารัฐ ที่ส่งเทียบเชิญเข้าร่วมรัฐบาลภายใต้การนำของนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่เสนอให้ ‘พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา’ เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2 เป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ
แต่เอาละวันนี้เราจะไม่มาพูดเรื่องการเมือง แต่จะของเล่าถึงอีกด้านหนึ่งที่คุณอาจมองไม่เห็น เพราะเมื่อมีการส่องสปอตไลท์มักจะมีเงาเกิดขึ้นตามมาเสมอ เพราะหลังจากนับจากวันเลือกตั้งจนถึงวันอาทิตย์ที่ 26 ที่ผ่านมา พบว่า ‘เสี่ยหนู’ คนนี้มีความมั่งคั่งมากขึ้น โดยจากการตรวจสอบข้อมูลในตลาดหลักทรัพย์ พบว่า ร่ำรวยมีพอร์ตการลงทุนทะลุ 3.1 พันล้านบาท ด้วยระยะเวลาเพียง 62 วัน
เปิดความมั่งคั่งเสี่ยหนู หลังวันเลือกตั้ง
ตรวจสอบความมั่งคั่งได้ จากรายงานตลาดหลักทรัพย์ พบว่า ‘อนุทิน ชาญวีรกุล’ ได้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 2 บริษัท โดยถือหุ้นใหญ่อันดับที่ 4 บริษัท ซิโน – ไทย เอ็นจิเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) STEC ในจำนวน 71,550,128 หุ้น หรือคิดเป็น 4.69 % และถือหุ้น ในบริษัท เอสทีพี แอนด์ ไอ จำกัด (มหาชน) STPI อันดับที่ 1 จำนวน 164,590,285 หุ้น หรือคิดเป็น 10.13 %
โดยจากการสำรวจพบว่า หุ้นที่ ‘เสี่ยหนู’ ถือทั้ง 2 บริษัทนั้น ภายหลังการเลือกตั้ง 1 วัน หรือวันที่ 25 มีนาคมนั้น พบว่า STEC มีมูลค่า 23.70 บาท ต่อหุ้น เสี่ยหนูได้ถือหุ้นมีมูลค่าในขณะนั้นอยู่ที่ 1,695 ล้านบาท และ STPI มีราคาหุ้นอยู่ที่ 6.00 บาท และมูลค่าการถือหุ้นของเสี่ยหนูอยู่ที่ 987 ล้านบาท รวมพอร์ตหุ้นของ ‘เสี่ยหนู’ ณ วันที่ 25 มี.ค. อยู่ที่ 2,683 ล้านบาท
เมื่อคล้อยหลังเลือกตั้งได้ 62 วัน หรือวันที่ 26 พ.ค. ‘เสี่ยหนู’ ยอมรับการเข้าร่วมรัฐบาลพลังประชารัฐ นั้น ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นของทั้ง 2 บริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นมาต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 62 วัน โดย STEC มีราคาหุ้นอยู่ที่ 25.00 บาทต่อหุ้น โดยมีมูลค่าพอร์ตเสี่ยหนู อยู่ที่ 1,788 ล้านบาท และ STPI มีราคาหุ้นอยู่ที่ 6.50 บาท โดยมีมูลค่าหุ้นที่ถืออยู่ที่ 1,069 ล้านบาท หรือมีมูลค่าพอร์ตรวมอยู่ที่ประมาณ 2,857 ล้านบาท นับได้ว่า ความมั่งคั่งของเสี่ยหนูเพิ่มขึ้น 6.5% ในระยะเวลา 62วัน !!
ย้อนนโยบายพรรคภูมิใจไทยกับกัญชาในฝัน
เมื่อการจัดเลือกตั้งรัฐบาลเริ่มชัดเจนแล้ว มาถึงเวลานี้มาย้อนดูนโยบายของพรรคภูมิใจไทย โดยหลักๆ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ที่หากเห็นนโยบายแล้วต้องตาลุกวาว เพราะนโยบายของเขามีความหลากหลายและครีเอทีฟขั้นสุด อาจทำให้เขาได้รับคะแนนการเลือกตั้งอย่างหนาแน่น และอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เขาร่วมรัฐบาลได้อย่างไม่ต้องสงสัย
นโยบายทั่วประเทศ
- นโยบายกัญชาเสรี
- บุรีรัมย์โมเดล นำความคิดสร้างสรรค์ หาจุดเด่นในการพัฒนาเมือง
- ทวงคืนกำไรให้ชาวนา เสนอกฎหมายตั้งกองทุนข้าว ระบบกำไรแบ่งปัน เพิ่มรายได้ให้ชาวนา ยุติความไม่เป็นธรรม
- แก้กฏหมายประมง
- ทวงคืนกำไรให้ชาวสวน
- พัฒนาเขตเศรษฐกิจ จังหวัดชายแดนใต้
- ยกระดับอสม. เป็นหมอประจำบ้าน
- เรียนออนไลน์ ฟรีตลอดชีวิต
- แก้หนี้ กยศ .
นโยบายกรุงเทพสะดวกสบาย
- ขับ Grab ถูกกฏหมาย
- ทำงานที่ออฟฟิศ สัปดาห์ละ 4 วัน
- ไปโรงเรียนสัปดาห์ละ 4 วัน
- Co-working space 1 แขวง 1 ที่
มาถึงบรรทัดสุดท้ายของการอธิบายและขยายความทั้งหมด แม้ว่า พรรคภูมิใจไทยจะเข้าร่วมรัฐบาลไปแล้ว ในขณะเดียวกันความมั่งคั่งของ ‘เสี่ยหนู’ ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน หลังจากนี้สิ่งที่เราๆท่านๆ และประชาชนอย่างเราทำได้ คือการติดตามและช่วยกันติดตามการทำงานอย่างใกล้ชิด เพื่อให้นโยบายทั้ง 12 ข้อ นั้นเดินตามแผนได้
ขณะเดียวกัน หลังจากการจัดตั้งรัฐบาลชัดเจน หุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างน่าจะได้ประโยชน์อย่างมาก สิ่งนี้อาจจะน่าจับตามากกว่าเสี่ยหนูจะมั่งคั่งอีกเท่าไหร่ เพราะ 2 บริษัทอยู่ในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างทั้งคู่ งานนี้สิ่งที่จะทำได้คือ ประชาชนอย่างเราท่าน ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด
ที่มา
https://bhumjaithai.com/policy