นายกรัฐมนตรีมหาเธร์ โมฮัมหมัดของมาเลเซีย กล่าวในวันนี้ (30 พ.ค.) ระหว่างร่วมงานการประชุม The Future of Asia ที่กรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่นถึงประเด็นต่างๆในหลายเรื่อง หนึ่งในนั้นคือประเด็นเกี่ยวกับความกังวลของบรรดาชาติตะวันตกที่มีต่อบริษัทด้านโทรคมนาคมอย่าง"หัวเว่ย" ว่าส่วนตัวเขาสนับสนุนให้มาเลเซียใช้ผลิตภัณฑ์ของหัวเว่ยมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ แม้ว่ารัฐบาลหลายประเทศโดยเฉพาะสหรัฐจะออกคำสั่งแบนบริษัทอเมริกันทำธุรกิจกับหัวเว่ยก็ตาม
นายกมาเลย์ยังระบุอีกว่า แม้ส่วนตัวเขาจะเชื่อว่าหัวเว่ยอาจมีกลไกสอดแนมบางอย่างอยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าหัวเว่ยจะสอดแนมมาเลเซียไปทำไม มาเลเซียจึงควรนำเทคโนโลยีอันก้าวหน้าของหัวเว่ยมาใช้ให้เป็นประโยชน์จะดีกว่า
นายกมหาเธร์ยังกล่าวอีกว่า "หลายคนคงรู้ หากมีประเทศใดต้องการบุกมาเลเซีย พวกเขาสามารถผ่านเข้าไปได้เลย และเราจะไม่ต่อต้านเพราะมันเสียเวลา"
นายกมหาเธร์เป็นเพียงผู้นำในเอเชียเพียงไม่กี่ชาติที่ประกาศอย่างชัดเจนถึงท่าทีสนับสนุนบริษัทด้านโทรคมคมจีนแห่งนี้
นายกมหาเธร์ยังได้กล่าวถึงหัวเว่ยว่า เป็นบริษัทที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงโดยเฉพาะเรื่อง AI และยังเชื่อว่า AI ของหัวเว่ยจะช่วยเพิ่มโอกาสด้านระบบโทรคมนาคมของมาเลเซียอย่างแน่น
( นายกรัฐมนตรี มหาเธร์ โมฮัมหมัด )
"งานวิจัยของหัวเว่ยมีมากกว่างานวิจัยในมาเลเซียรวมกันเสียอีก"
นายกมหาเธร์ยังได้กล่าวถึงความกังวลจีนในบรรดาชาติมหาอำนาจไว้อย่างน่าสนใจว่า "ตอนจีนยากจนเราก็กลัวจีน แต่เวลาจีนรวยขึ้นมาเราก็ยังกลัวจีน"
นายกมหาเธร์ยังบอกอีกว่า สหรัฐและบรรดาชาติตะวันตก ต้องยอมรับว่าประเทศในเอเชียสามารถผลิตสินค้าที่แข่งขันได้ และไม่ควรคุกคามทางธุรกิจซึ่งกันและกัน
"สหรัฐต้องแข่งขันกับจีนในบางครั้งจีนอาจเป็นผู้ชนะ และในบางครั้งสหรัฐก็อาจเป็นผู้ชนะเช่นกัน"
นอกจากนี้นายกมหาเธร์ยังกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐที่ไม่ค่อยดีในขณะนี้อาจส่งผลต่อประเด็นข้อพิพาทในทะเลจีนใต้