นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมเอกชน3สถาบัน ได้แก่
- สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.)
- สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
- และสมาคมธนาคารไทย (กกร.)
ว่า กกร.เตรียมทบทวนและประเมินภาพเศรษฐกิจอีกครั้งก่อนประกาศตัวเลขประมาณการใหม่ในการประชุมครั้งไปวันที่ 2 ก.ค. เนื่องจากประเมินว่าการส่งออกของไทยในช่วงที่เหลือของปีมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากการค้าโลกมากขึ้นจนไม่สามารถขยายตัวเป็นบวกได้ในปีนี้
นอกจากนี้ปัจจัยการเมืองภายในประเทศ ยังต้องจับตาการจัดตั้งรัฐบาลและการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ที่ล่าช้าออกไป ซึ่งจะส่งผลต่อการเบิกจ่ายงบลงทุนก็เพิ่มความเสี่ยงที่เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังอาจจะขยายตัวชะลอลงกว่าที่เคยประเมินไว้
ทั้งนี้เศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกปี 2562 ที่เติบโต 2.8% นับเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 17 ไตรมาส ได้รับแรงฉุดจากการส่งออกที่หดตัว ขณะที่ภาพรวมการใช้จ่ายในประเทศทั้งการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนยังเป็นตัวหนุนให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเป็นบวกได้
สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจเดือนเมษายน 2562 ซึ่งเป็นเดือนแรกของไตรมาส 2/2562 การส่งออกยังคงหดตัวต่อเนื่อง และทำให้ภาพ 4 เดือนแรกของปีนี้ การส่งออกหดตัวเป็นวงกว้างทั้งในรายการสินค้าส่งออกหลักและตลาดส่งออกสำคัญของไทย สอดคล้องกับการส่งออกของประเทศส่วนใหญ่ในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งสะท้อนผลจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ในขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติขยายตัวในเกือบทุกภูมิภาค ยกเว้นตลาดนักท่องเที่ยวหลักอย่างจีนและรัสเซีย
ในช่วงที่เหลือของปี 2562 สถานการณ์ต่างๆ บ่งชี้ว่า มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่สหรัฐฯ อาจจะขึ้นภาษีในสินค้าจีนล็อตที่เหลือ เมื่อประกอบกับภาพความซบเซาของการค้าโลก ทำให้การส่งออกของไทยมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบมากขึ้นจนกระทั่งอาจจะไม่สามารถขยายตัวเป็นบวกได้ในปีนี้
นอกจากนี้ ปัจจัยการเมืองภายในประเทศที่ยังต้องจับตาการจัดตั้งรัฐบาล และการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ที่ล่าช้าออกไป ซึ่งจะส่งผลต่อการเบิกจ่ายงบลงทุน ก็เพิ่มความเสี่ยงที่เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังอาจจะขยายตัวชะลอลงกว่าที่เคยประเมินไว้เช่นกัน
"กกร. จึงมีความเป็นห่วงและหวังว่าสถานการณ์ต่างๆ จะทยอยมีความชัดเจนมากขึ้น ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ภาวะการใช้จ่ายภายในประเทศและการกระตุ้นจากภาครัฐ ก็สามารถเป็นแรงส่งเศรษฐกิจในยามที่ภาคต่างประเทศประสบกับสถานการณ์ที่ยากลำบากได้ โดย กกร. จะมีการทบทวนและประเมินภาพเศรษฐกิจอีกครั้งก่อนที่จะประกาศตัวเลขประมาณการใหม่ในครั้งถัดไป"นายปรีดี กล่าว
อย่างไรก็ตามกกร.ได้จัดเตรียมข้อเสนอของภาคเอกชนต่อรัฐบาลชุดใหม่ เพื่อให้รัฐบาลชุดใหม่ทราบถึงประเด็นปัญหาและข้อเสนอต่างๆ ในการพัฒนาเศรษฐกิจของไทยก่อนที่รัฐบาลชุดใหม่จะเริ่มปฎิบัติหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน การสร้างความเข้มแข็งของภาคเอกชน การพัฒนาทรัพยากรบุคคล เป็นต้น และเมื่อรัฐบาลใหม่ตั้งเสร็จและเข้ามาบริหารประเทศต้องการให้รัฐบาลออกมาตรการทางภาษีจูงใจให้ประชาชนใช้จ่ายเพิ่มขึ้นและให้ผลโดยรวมต่อเศรษฐกิจประเทศ รวมถึงต้องการความต่อเนื่องของหลายโครงการที่รัฐบาลปัจจุบันดำเนินการทั้งโครงสร้างพื้นฐาน โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) การช่วยเหลือสนับสนุนและพัฒนาเอสเอ็มอี เป็นต้น
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การส่งออกในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา มีมูลค่ารวม 80,543.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ติดลบ 1.9% ซึ่งการเพิ่มตัวเลขประมาณการส่งออกปีนี้คงลำบาก มีโอกาสส่งออกลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมามากกว่า
ขณะที่สถานการณ์ทางการเมือง เมื่อได้รัฐบาลใหม่อยากให้เดินหน้าโครงการหลักต่อเนื่อง อยากเห็นบทบาทรัฐบาลทำงานร่วมกับภาคเอกชนผ่านเวทีการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ (กรอ.) โดยจัดประชุมระดับนายกรัฐมนตรีเป็นประธานทุก ๆ 6 เดือน และการประชุมที่มีระดับรองนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง ทุก ๆ 3 เดือน โดย กกร.จะมีการส่งมอบสมุดปกขาวให้รัฐบาลใหม่ปลายเดือนมิ.ย.นี้ เพื่อเสนอสิ่งที่เอกชนต้องการจะเห็นรัฐบาลดำเนินการ