สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวภายในของบริษัทผู้ผลิตชิปประมวลผลหลายแห่งอย่าง ควอลคอมม์ และอินเทล กำลังพยายามกดรัฐบาลกลางสหรัฐเป็นการลับๆ เพื่อให้ทบทวนมาตรการแบนบริษัทหัวเว่ย ยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมของจี
รายงานระบุว่า ผู้บริหารจากบริษัทผลิตชิปในสหรัฐหลายแห่งทั้ง Qualcomm, Intel และ Xilinx Inc ได้ทยอยเข้าพบเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกระทรวงพาณิชย์สหรัฐตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อหารือถึงประเด็นการกีดกันหัวเว่ยของรัฐบาลสหรัฐที่ขึ้นแบล็กลิสต์ห้ามไม่ให้บริษัทของสหรัฐทำธุรกรรมกับยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมของจีนรายนี้ จากข้ออ้างของรัฐบาลสหรัฐที่ระบุว่าหัวเว่ยอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ
ขณะที่บริษัท Qualcomm ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปประมวลผลสำหรับสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์ต่างๆ ก็ได้เข้าหารือกับกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเช่นกัน โดยยืนยันว่า ผลิตภัณฑ์ของหัวเว่ยนั้นใช้ชิ้นส่วนที่มีอยู่ทั่วไปเฉกเช่นเดียวกับที่บริษัทด้านโทรคมนาคมใช้ซึ่งไม่น่ามีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย รวมถึงในระบบ 5 จี นั้นก็ไม่ได้มีปัญหาด้านความปลอดภัยเช่นกัน
"นี่ไม่ใช่การออกโรงปกป้องหัวเว่ย แต่เป็นการปกป้องบริษัทอเมริกัน" แหล่งข่าวของรอยเตอร์ระบุ
ทั้งนี้ หัวเว่ยได้ซื้ออุปกรณ์ชิ้นส่วนต่างๆจากบริษัทต่างๆเป็นมูลค่าในแต่ละปีมากถึง 70 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จำนวนนี้ซึ้อจากบริษัทผู้ผลิตชิปในสหรัฐเป็นมูลค่ามากถึง 11 พันล้านดอลลาร์ ตัวอย่างเช่นในอุปกรณ์สมาร์ทโฟนของหัวเว่ยก็ใช้ชิปประมวลผลของ Qualcomm
ด้านสมาคมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ (SIA) ของสหรัฐ ได้ยอมรับว่ามีการจัดให้มีการปรึกษาหารือกับรัฐบาลสหรัฐอเมริกาในนามของบริษัทหลายๆแห่ง เพื่อช่วยให้พวกเขาปฏิบัติตามมาตรการของรัฐบาล ร่วมถึงหารือเกี่ยวกับข้อเท็จจริงของการแบนดังกล่าวว่า หัวเว่ยเป็นอันตรายของความมั่นคงของสหรัฐจริงหรือไม่
อย่างไรก็ดี หลังจากมีรายงานข่าวดังกล่าวของรอยเตอร์ออกมา ทางด้านบริษัทQualcomm, Intel และ Xilinx ต่างปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลถึงรายงานดังกล่าว
