เวลาพูดถึงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศหรือการลงทุนของภาคเอกชน ทั้ง รถไฟฟ้า ห้างสรรพสินค้า คอนโดมิเนียม ทางด่วน และสำนักงานต่างๆ คนส่วนใหญ่มักนึกถึงบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการก่อสร้างทั้งหมด แต่หากมองลึกลงไปเราจะพบบริษัทที่เป็นหัวใจสำคัญ เพราะมีหน้าที่ดูแลรากฐาน นั่นก็คือ บริษัทผู้ผลิตเสาเข็มและดูแลงานฐานราก
Wealthy Thai จะพาไปทำความรู้จักหุ้นเสาเข็มสุดร้อนแรง “บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAFCO” ผู้รับเหมาก่อสร้างงานเสาเข็มเจาะ งานฐานรากและงานโยธาทั่วไป ซึ่งจะดำเนินงานในลักษณะของการรับงานช่วงต่อ (Sub-contract) จากผู้รับเหมาก่อสร้างหลัก (Main Contractor) หรือจะรับงานโดยตรงจากเจ้าของโครงการก็ได้ ทำให้แนวโน้มการเติบโตของกลุ่มเสาเข็มและงานฐานรากเป็นไปในทิศทางเดียวกับกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งขึ้นอยู่กับการลงทุนของภาครัฐและภาคเอกชน
โดย SEAFCO มีสัดส่วนการรับงานจากหน่วยงานภาครัฐประมาณ 45% ส่วนที่เหลืออีก 55% เป็นงานจากภาคเอกชน ซึ่งเป็นบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างเสาเข็มและงานฐานรากที่มักจะได้รับอานิสงส์จากจำนวนงานที่เพิ่มขึ้นเป็นอันดับแรกๆ ซึ่งที่ผ่านมาได้รับงานขนาดใหญ่หลายโครงการ เช่น รถไฟฟ้าสายสีส้ม รถไฟฟ้าสายสีชมพู The One Bangkok และ The Bangkok Mall ทำให้ปัจจุบันมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (แบ็กล็อก) กว่า 2 พันล้านบาท สามารถรองรับการเติบโตในปี 62 ได้ทั้งปี ซึ่งเป็นระดับสูงเมื่อเทียบกับบริษัทที่ทำธุรกิจลักษณะเดียวกันอย่าง บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) หรือ PYLON ที่มีแบ็กล็อกประมาณ 900 ล้านบาท สามารถรับรู้รายได้ถึงไตรมาส 3/62 เท่านั้น
ลักษณะงานที่ให้บริการ
- งานเสาเข็มเจาะ (Bored Pile , Barrett Pile)
- งานกําแพงกันดิน (Diaphragm Wall)
- งานก่อสร้างโยธา ซึ่งรวมถึงงานฐานรากต่างๆ และงานก่อสร้างอาคาร
- งานบริการทดสอบต่างๆ
แบ็กล็อกพุ่งแตะ 3 พันล้านบาท
และล่าสุดวันที่ 27 มิ.ย. 62 ดร.ณรงค์ ทัศนนิพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ SEAFCO ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า เดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา บริษัทได้รับงานใหม่ 3 โครงการ มูลค่ารวม 1.03 พันล้านบาท ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ประกอบด้วย
- โครงการรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีส้ม สถานีเลขที่ 16 ถนนรามคําแหง กรุงเทพฯ เป็นงานเพิ่มกําแพงกันดินชนิดไดอาแฟรม วอลล์และเสาเข็มเจาะแบบเหลี่ยม จากกิจการร่วมค้า CKST ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินงาน มีกำหนดจะแล้วเสร็จภายในเดือนก.ค. 62
- โครงการวันแบงค็อก (โซน 4) ถนนพระราม 4 กรุงเทพฯ เป็นงานเพิ่มเสาเข็มเจาะแบบกลม จากบริษัท เกษมทรัพย์วัฒน จํากัด ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินงาน มีกำหนดจะแล้วเสร็จภายในเดือนมิ.ย. 62 และ
- โครงการดุสิต เซ็นทรัล ปาร์ค ถนนพระราม 4 แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ เป็นงานเสาเข็มเจาะแบบกลม และกําแพงกนดินชนิดไดอาแฟรม วอลล์ จาก บริษัท วิมานสรุิยา จํากัด และ บริษัท ศาลาแดง พร็อพเพอร์ตี้ แมนเนจเม้นท์ จํากด ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอขนย้ายเครื่องจักรเข้าหน่วยงานต้นเดือนก.ค. 62
จากมูลค่างานที่บริษัทได้รับจำนวน 1.03 พันล้านบาท ทำให้คาดการณ์ว่าปัจจุบัน SEAFCO น่าจะมีแบ็กล็อกเพิ่มขึ้นแตะระดับ 3,000 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มการเติบโตในไตรมาส 2/62 ดร.ณรงค์ กล่าวว่า ยังเติบโตต่อเนื่อง จากการรับรู้รายได้แบ็กล็อกและการประมูลงานใหม่ โดยคาดว่ารายได้ปี 2562 จะอยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท
ทางด้านราคาหุ้น SEAFCO เคยพุ่งขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 9 บาท ในเดือนพ.ย. 61 ก่อนปรับตัวลงในช่วงต้นปี 2562 และค่อยๆไต่ระดับขึ้นอีกครั้งในเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา แม้จะเห็นสัญญาณการขึ้นแต่ภาพรวมราคาหุ้นยังคงติดลบ
โดยตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค.- 27 มิ.ย. 62 ราคาหุ้นปิดตลาดที่ 8.50 บาท ซึ่งยัง -8.11% เมื่อเทียบกับบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง/บริการรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งได้รับผลดีจากโครงการประมูลที่ออกมามากขึ้น
โอกาสรับงานเพิ่มต่อเนื่อง
บล.หยวนต้า ให้ความเห็นว่า ยังคงคำแนะนำ “เก็งกำไร” หุ้น SEAFCO ราคาเหมาะสม สิ้นปี 2562 ที่ 10.10 บาท (อ้างอิง PE+0.5SD ที่ 21 เท่า) โดยประเด็นบวกระยะสั้นมาจากการคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 2/62 ที่ยังเห็นการเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ช่วงครึ่งปีหลังอาจเห็นผลประกอบการอ่อนตัวลงจากมาร์จิ้นที่ลดลง หลังงานที่มีมาร์จิ้นสูง เช่น รถไฟฟ้า และ The One Bangkok จบลงแล้ว
อย่างไรก็ดี SEAFCO ยังมีความน่าสนใจจากการรับงานที่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะการรับงานมูลค่าสูงจากทางภาครัฐที่คาดว่าจะทราบผลในระยะใกล้ ช่วยต่อยอดแบ็กล็อกและรายได้ไปยังปี 2563
บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองว่าแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/62 คาดทรงตัวสูง โดยขยายตัวเด่นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนจากงานก่อสร้างต่อเนื่องทั้งรถไฟฟ้าสีส้ม, ชมพู และโครงการ Mixed-use ประกอบกับคาดว่ามาร์จิ้นจะอยู่ในดับที่ดี จากงานรับเฉพาะค่าแรงในสัดส่วนที่สูง เรายังแนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสม 10.20 บาท ในฐานะผู้รับประโยชน์โดยตรงจากการเร่งผลักดันงานประมูล
ขณะที่ Valuation น่าสนใจ ราคาหุ้นที่ปรับลง -13% YTD Underperform กลุ่มอุตสาหกรรมที่ +3% และเทรดบน PE2019 เพียง 14.5 เท่ากับค่าเฉลี่ยในอดีต -1SD ซึ่งทิศทางอุตสาหกรรมก่อสร้างยังเป็นขาขึ้น หนุนโอกาสรับงานอีกจำนวนมาก
การลงทุนของภาครัฐและภาคเอกชนส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง บริการรับเหมาก่อสร้าง ทำให้บริษัทในกลุ่มนี้ได้ประโยชน์ ด้วยจำนวนงานเพิ่มขึ้น ช่วยหนุนผลประกอบการให้เติบโต ซึ่งส่งผลไปถึงราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน
SEAFCO ก็เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับอานิสงส์ แต่เมื่อย้อนดูราคาหุ้นแล้ว กลับมีความเคลื่อนไหวไม่มาก อาจเป็นโอกาสดีให้กับนักลงทุนที่สนใจ ดังนั้นอย่าลืมศึกษาข้อมูลและติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด เพื่อรอโอกาสเข้าซื้อในจังหวะที่เหมาะสม
ขอบคุณข้อมูลจาก
บทวิเคราะห์บล.หยวนต้า
บทวิเคราะห์บล.ฟินันเซีย ไซรัส
https://bit.ly/2RE0Xi3