กูรูมองหุ้นไซต์เวย์ ยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาหนุนตลาด

>>

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า SET Index จะแกว่งตัว Sideway โดยยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาหนุน ขณะที่นักลงทุนต่างรอดูตัวเลขเศรษฐกิจภาคแรงงานเดือนมิถุนายนของสหรัฐฯ คืนนี้ ซึ่งจะส่งผลต่อความเป็นไปได้และการตัดสินใจของ FED ว่าจะลดดอกเบี้ยในการประชุมปลายเดือนหรือไม่ (ตลาดคาดโอกาสลด 70%) อย่างไรก็ตามคาดว่าตลาดปรับตัวรับความคาดหวังเชิงบวกดังกล่าวไปมากแล้ว ขณะที่แนวโน้มกำไรไตรมาส 2/2562 ของบริษัทจดทะเบียนโดยรวมคาดว่าจะไม่โดดเด่น ประกอบกับ Valuation ของตลาดอยู่ในโซนค่อนข้างสูง จึงยังมองว่ามีโอกาสเห็นการพักฐานระยะสั้น

 


ประเด็นสำคัญวันนี้


กลุ่มโรงไฟฟ้า ราคาหุ้นวานนี้ปรับลงจากข่าวผู้ตรวจการแผ่นดินส่งเรื่องให้กระทรวงพลังงานทบทวนแผน PDP 2018-38 ภายใน 120 วัน หลังมีผู้ร้องเรียนให้กำลังผลิตไฟฟ้าใน 10 ปีข้างหน้าของ EGAT ต้องมีสัดส่วนการผลิตเกิน 51% ข่าวนี้เป็นลบต่อผู้ผลิต IPP อย่าง GULF, RATCH, EGCO แต่กระทบจำกัดมากต่อผู้ผลิต SPP อย่าง BGRIM และ GPSC และไม่กระทบผู้ผลิต Renewable อย่าง EA, GUNKUL,TPCH, SSP อย่างไรก็ตามเรามีความเห็นเป็นกลาง ไม่คาดว่าจะมีการปรับเปลี่ยนแผน PDP 2562 ตามข้อร้องเรียนนี้ ทั้งนี้ราคาหุ้นโรงไฟฟ้าหลายตัวปรับขึ้นจน PE แพง ในกลุ่มนี้เราแนะนำซื้อ EA, GPSC และซื้ออ่อนตัวสำหรับ BGRIM, GUNKUL


ประเด็น SCB ประเมินกำไรจากการขาย SCB Life ราว 1 หมื่นลบ. (เข้าไตรมาส 4/2562) เพราะมีต้นทุนค่าความนิยมและค่าตอบแทนจากการขายประกันผ่านสาขาธนาคาร 15 ปี ซึ่งอยู่ระหว่างต่อรอง ประเด็นสำคัญคือสภาพคล่องที่เข้ามาถึง 8 หมื่นลบ. (สุทธิจากภาษี) นำไปหาผลตอบแทนชดเชยกำไรที่หายไปจาก SCB Life ได้ ทางนักวิเคราะห์จึงปรับกำไรสุทธิปีนี้ขึ้นจาก 4.2 หมื่นลบ.เป็น 4.9 หมื่นลบ. และคาดจ่ายปันผล 6 บาท/หุ้น (Yield 4%) ส่วนปีหน้ายังคงกำไร 4.65 หมื่นลบ.เท่าเดิม แต่ยังไม่รวมเงิน 8 หมื่นลบ. ที่จะไปหาประโยชน์ได้โดยไม่มีต้นทุน ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 152 บาทจาก 137 บาท 


กลุ่มเครื่องดื่ม ได้อานิสงส์จากหน้าร้อนในไตรมาส 2/2562 ผลประกอบการดีขึ้นทุกบริษัท ยกเว้น MALEE ที่คาดขาดทุน 29 ล้านบาท เพราะรายได้ในประเทศยังไม่ฟื้นและมีโอกาสขาดทุนต่อในครึ่งปีหลัง แนะหลีกเลี่ยงตามเดิมอีก 2 บริษัทที่คาดกำไรโตสูง และราคาหุ้นยังไม่เต็มมูลค่า แนะนำซื้อคือ ICHI (ราคาเป้าหมาย 7.30 บาท) คาดพลิกเป็นกำไร 119 ล้านบาท จากไตรมาส 2/2562 ที่ขาดทุนสุทธิ 30 ล้านบาท และ TACC (ราคาเป้าหมาย 5 บาท) คาดกำไร เป็น 38-40 ล้านบาท และยังมีปัจจัยบวกอีกมากในช่วงครึ่งปีหลัง แต่อีก 2 บริษัทที่ราคาหุ้นเกินมูลค่าแล้ว แนะนำขาย CBG (ราคาเป้าหมาย 54 บาท) คาดกำไร 450-500 ล้านบาท 


กลยุทธ์การลงทุน


เลือกเก็งกำไรเป็นรายตัวมากขึ้น และหุ้นทียัง Laggard ตลาด โดยหุ้นเด่นเดือนกรกฎาคม ประกอบด้วย ICHI, KKP, MINT, PTTGC, SEAFCO