“บลจ.วรรณ”...แนะปรับพอร์ต ‘ลดตราสารหนี้-ผสม REIT’ เพิ่มผลตอบแทน

>>

“บลจ.วรรณ” ปรับพอร์ตกองทุนตราสารหนี้ รับทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาลง เพิ่มน้ำหนักลงทุน กอง REIT’ ดันอัตราผลตอบแทน รองรับผู้ลงทุนที่ยังสนใจกองทุนตราสารหนี้ในประเทศ โดยเปิดเสนอขาย กอง ONE-DELIGHT’ ตั้งแต่วันนี้- 18 ก.ค. นี้ 


นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ จำกัด  
เปิดเผยว่า หากวิเคราะห์จากทิศทางอัตราดอกเบี้ยของตลาดโลกในช่วงครึ่งปีหลังถัดจากนี้มีแนวโน้มปรับตัวลดลง นำโดยธนาคารกลางทั่วโลกโดยเฉพาะของประเทศเศรษฐกิจหลัก เช่น ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) และ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งส่งผลให้ธนาคารกลางของประเทศอื่นมีแนวโน้มพิจารณาอัตราดอกเบี้ยลงเช่นกัน เพื่อรักษาส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยในประเทศและต่างประเทศไม่ให้มีความแตกต่างกันมากนัก


สำหรับธนาคารกลางแห่งประเทศไทย (ธปท.) บริษัทคาดว่า มีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงภายในปีนี้เช่นกัน 
        

“ที่ผ่านมา FED เริ่มส่งสัญญาณพร้อมใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายอย่างเหมาะสมเพื่อรักษาอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยคาดการณ์ว่า FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างช้าในเดือนก.ย. นี้ ขณะที่คาดการณ์ว่า ECB จะส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเช่นกันอีก จากระดับติดลบในปัจจุบัน อีกทั้งพร้อมใช้มาตรการ QE ควบคู่ด้วย ทั้งนี้ หากมองจากปัจจัยเรื่องอัตราดอกเบี้ย ผลที่เกิดจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะทำให้การลงทุนในตราสารหนี้เพียงอย่างเดียวอาจได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง” 


นายพจน์ ยังกล่าวอีกว่า ในแง่ของการลงทุนนั้น ผู้ลงทุนที่มีความสนใจในการลงทุนกองทุนตราสารหนี้ควรปรับพอร์ตการลงทุนและเลือกหาสินทรัพย์อื่น เพื่อชดเชยผลกระทบบางส่วนที่เกิดขึ้นจากปัจจัยดังกล่าว โดยบริษัทวิเคราะห์ว่า การลงทุนใน ‘กองทุนทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT)’ อัตราผลตอบแทนยังคงน่าสนใจและยังคงอยู่ในระดับสูงตลอด 5 ปีที่ผ่านมา โดยหากพิจารณาอัตราผลตอบแทนของ REIT เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5%  เมื่อเทียบกับผลตอบแทนของเงินปันผลจากการลงทุนในหุ้น ผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ และ เงินฝาก เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3% พันธบัตรรรัฐบาลอายุ 10 ปี อยู่ที่ประมาณ 2.5% เงินฝากอยู่ที่ประมาณ 0.75% ตามลำดับ 


 
( นายพจน์ หะริณสุต )


“จากมุมมองของการปรับพอร์ตการลงทุนสำหรับนักลงทุนที่สนใจการลงทุนในตราสารหนี้ บริษัทได้เปิดขาย กองทุนเปิด วรรณ ดีไลท์ (ONE-DELIGHT)’ ตั้งแต่วันนี้- 18 ก.ค. นี้ โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ สัดส่วนการลงทุนอยู่ที่ประมาณ 80% และ อีกประมาณ 20% จะลงทุนในกอง REIT เนื่องจากบริษัทมองว่า การกระจายการลงทุนในกองทุน REIT จะได้รับผลตอบแทนส่วนเพิ่มที่น่าสนใจ ขณะที่ยังมีความผันผวนน้อยกว่าการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้”


ทั้งนี้ ‘กอง ONE- Delight’ จะพิจารณาเลือกลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนในประเทศ ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ A- ขึ้นไป ตั๋วแลกเงินภาคเอกชนในประเทศที่ผู้ออกตราสารมีอันดับความน่าเชื่อถือที่สามารถลงทุนได้ และพันธบัตรรัฐบาลไทยเป็นหลัก โดยมี Duration เฉลี่ยประมาณ 1 ปี สำหรับกองทุนดังกล่าว เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ และสามารถถือลงทุนได้ตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป