ความเคลื่อนไหวหุ้นของ บมจ.โอสถสภา หรือ osp ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยณ.วันที่ 10 ก.ค. ราคาหุ้นปิดที่ 35.75 บาทต่อหุ้น หรือเพิ่มขึ้นต้นปีถึงปัจจุบัน 45.92 % แม้ราคาหุ้นจะปรับขึ้นมาค่อนข้างมาก แต่นักวิเคราะห์ยังมีมุมมองที่ดีกับ OSP
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินการเติบโตของ OSP จะเติบโตได้ดี โดยกำไรปกติในไตรมาสที่ 2 ยังโตดี จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากทั้งการโตของรายได้ และอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่องตามเป้าหมายของบริษัท แต่คาดกำไรจะอ่อนตัวลง จากไตรมาสก่อน เพราะมีหยุดการผลิต C-Vitt บางสายราว 1 เดือนเพื่อขจัดปัญหาคอขวด ปัจจุบันปรับปรุงแล้วเสร็จ และกลับมาเดินกำลังการผลิตได้ปกติ โดยช่วยเพิ่มกำลังการผลิตอีก 30% คาดจะช่วยหนุนการฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลังและบริษัทได้ออกสินค้าใหม่ 3 รายการในไตรมาสที่2 ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี และน่าจะรับรู้รายได้เต็มไตรมาสตั้งแต่ ไตรมาสที่ 3 เป็นต้นไป จากกำลังการผลิต C-Vitt ที่เพิ่มขึ้น เราจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 2019 ขึ้น 3% เป็นการเติบโต 31.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดจะโตต่อเนื่องในปี 2020 จากทั้งรับรู้กาลังการผลิต C-Vitt ใหม่ได้เต็มปี และเริ่มรับรู้โรงงานบรรจุเครื่องดื่มแห่งแรกในพม่า ทั้งนี้เราปรับเพิ่ม PE เป็น 30 เท่า จากเดิม 27 เท่า เพื่อสะท้อนการเติบโตที่สูงขึ้น และใกล้เคียงกับ PE เฉลี่ยของกลุ่มเครื่องดื่มชูกำลังของโลกที่เทรดอยู่ที่ 30-35 เท่า ทำให้ได้ราคาเป้าหมายใหม่ในปี 2019 เป็น 37 บาท จากเดิม 32.5 บาท แต่ราคาหุ้นมี Upside เพียง 7.2% จึงแนะนาเป็น ซื้อเก็งกำไร
ทั้งนี้หากกำไรปกติไตรมาสที่ 2 เป็นไปตามคาด บริษัทจะมีกำไรปกติ ในช่วงครึ่งปีแรก อยู่ที่ 1,733 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แนวโน้มกำไรจะกลับมาฟื้นตัวและโตได้มากขึ้นในครึ่งปีหลัง เพราะเริ่มรับรู้กำลังการผลิตของ C-Vitt ได้มากขึ้น 30% จากการขยายคอขวดแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมา น่าจะช่วยให้บรรลุเป้ารายได้ C-vitt ทั้งปีเติบโตไม่น้อยกว่า 30% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนได้ และคาดจะรับรู้รายได้จากสินค้าใหม่ที่เพิ่งออกไปได้มากขึ้น จึงคาดรายได้รวมในปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายไม่น้อยกว่า 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดอัตรากำไรขั้นต้นยังดูสดใสต่อเนื่องอยู่ในกรอบ 34%-35% ได้ตามแผน เพราะนอกจากอัตราการใช้กำลังการผลิตจะกลับมาดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังแล้ว บริษัทยังเน้นแผนควบคุมต้นทุนอย่างเข้มงวดภายใต้โปรแกรม Fit Fast Firm โดยมีเป้าลดต้นทุนให้ได้ 2.5 พันล้านบาท ภายใน 3-5 ปี จากการขจัดคอขวดเพิ่มกำลังการผลิต C-Vitt เราจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 2019 ขึ้น 3% เป็น 3,698 ล้านบาท และคาดกำไรจะโตต่อเนื่องในปี 2020 จากปัจจัยหนุนได้แก่ การรับรู้โรงงานบรรจุเครื่องดื่มแห่งใหม่ที่พม่า และรับรู้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นของ C-Vitt ได้เต็มปี