KTAM โชว์ผลงานปี 61 AUM พุ่ง 7.76 แสนล้านเพิ่ม 8.7% ปีนี้ตั้งเป้าโตกว่า 10% เร่งออกกองทุนสร้างทางเลือกลูกค้า

>>

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (AUM)ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2561 อยู่ที่ 776,382 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62,135 ล้านบาท หรือประมาณ 8.7% อัตราการเติบโตสูงกว่าอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ 3.4% มูลค่าทรัพย์สินสุทธิเพิ่มขึ้นจากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และโครงสร้างพื้นฐาน มี AUM อยู่ที่ 109,567 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.6%จากกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund – TFFIF และบริษัทเป็นทรัสตีให้กับทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ 1 กองทุน

( ชวินดา หาญรัตนกูล )

กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ อยู่ที่ 99,123 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.1% โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทได้รับความไว้วางใจให้บริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพพนักงาน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร , กองทุนสำรองเลี้ยงชีพของพนักงาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,กองทุนสำรองเลี้ยงชีพของกลุ่มบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พนักงาน บริษัทการท่าอากาศยานไทย จำกัด

ส่วนกองทุนส่วนบุคคล อยู่ที่ 71,468 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.3% ส่วนกองทุนรวม อยู่ที่ 496,224 ล้านบาท ลดลง 0.4%จากภาวะความผันผวนของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง กองทุนรวมหุ้นระยะยาว ( LTF) อัตราการเติบโตใกล้เคียงกับอุตสาหกรรมอยู่ที่ 3.8% กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ( RMF) เพิ่มขึ้น3.4% สูงกว่าอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ 2.5% กองทุนต่างประเทศ เพิ่มขึ้น22.2% ในขณะที่อุตสาหกรรม -4.3% ส่วนในปี2562 บริษัทตั้งเป้าอัตราการเติบโตของ AUM ไว้ที่ 878,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 10%

ในปีที่ผ่านมา บริษัทประสบความสำเร็จในการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ลงทุน โดยเฉพาะกองทุนเปิดกรุงไทย พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ อินฟราสตรัคเจอร์ เฟล็กซิเบิ้ล(KT-PIF) ที่มีนโยบายลงทุนในหลักทรัพย์ และทรัพย์สินทั้งในและต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐาน ไม่น้อยกว่าร้อยละ80ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยปัจจุบันลงทุนในไทย 53% และสิงคโปร์42% จุดเด่นของกองทุนนี้คือ REIT เป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนน้อยกว่าหุ้น โดบข้อมูลย้อนหลัง5 ปี พบว่า SETREIT& Property มีค่าความผันผวนอยู่ที่5.4% ในขณะที่ SET อยู่ที่11% กองทุนจะเน้นลงทุนในทรัพย์สินที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีอัตราการเช่าอยู่ในระดับสูง มีการประจายตัวของผู้เช่าที่ดี และมีการจ่ายเงินปันผลสูงอย่างสม่ำเสมอ REIT ในปีนี้น่าจะได้รับปัจจัยบวก จากการที่ตลาดเริ่มคลายความกังวลในเรื่องแนวโน้มการปรับขึ้นอัตาดอกเบี้ย เนื่องจากแรงกดดันจากเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ และเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัว อัตราดอกเบี้ยของทั่วโลกน่าจะเข้าใกล้จุดสูงสุดของอัตราดอกเบี้ยแล้ว โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา

สำหรับ ผลการดำเนินงาน ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2561 ย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 6.88% เมื่อเทียบกับ Benchmark อยู่ที่2.25% ในปีที่ผ่านมา กองทุนมีการจ่ายเงินปันผล 3 ครั้ง รวมจำนวน 0.60 บาทต่อหน่วย นับว่า เป็นกองทุนที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ลงทุน ในขณะนี้ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในช่วงปีที่ผ่านมาปรับตัวลดลง10.82% (29 ธ.ค.60-28 ธ.ค.61)

ส่วนในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะเปิดจำหน่ายกองทุนใหม่ๆที่มีความหลากหลายมากขึ้น เช่น กองทุนเปิดกรุงไทย สตราทีจิก แอคทีฟ โกลบอล แอลโลเคชั่น (KT-SAGA) ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2562 เน้นลงทุน แบบ Fund of Fund ผ่านกองทุนรวมอีทีเอฟต่างประเทศเป็นหลักตั้งแต่ 2 กองทุนขึ้นไป โดยกองทุนจะลงทุนในดัชนีต่างประเทศ ทั้งตราสารทุน และตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์/ REITs ทองคำ น้ำมัน เป็นต้น นับว่า เป็นกองทุนที่ตอบโจทย์นักลงทุนทั่วไปที่ต้องการโอกาสเข้าถึงการลงทุนในต่างประเทศทั่วโลก ผ่านการเลือกลงทุนในETF ตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ง่ายต่อนักลงทุนที่ไม่มีเวลาติดตามการลงทุนในต่างประเทศด้วยตนเอง และเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงไปยังต่างประเทศ และต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงกว่า Benchmark ในระยะกลางถึงยาว ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาขออนุมัติจัดตั้งกองทุนจากสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. นอกจากนี้ ยังมีอีกหลากหลายกองทุนมากมาย โดยคาดว่า ในเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 5 กองทุน

ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้าเงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุนผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

ศึกษาข้อมูลธุรกิจเพิ่มเติมได้ที่ www.ktam.co.th/th/Default