เดือนหน้านี้จะครบรอบ 1 ปีที่หุ้นความงามอย่าง “DDD” เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ซึ่งช่วงที่ผ่านมาการทำการตลาดแบรนด์ “สเนลไวท์” ให้เป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วทั้งในไทยและจีน ถือว่า DDD หรือบริษัท ดู เดย์ ดรีม จำกัด (มหาชน) ประสบความสำเร็จในการเดินแผนเฟสแรก
โครงสร้างของธุรกิจของ DDD ทำรายได้หลักจากการขายผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแบรนด์สเนลไวท์เพียงอย่างเดียว แม้ว่ามีรายได้เสริมจากการรับจ้างผลิต (โออีเอ็ม) ด้วยก็ตาม เพราะฉะนั้นการทำรายได้จากผลิตและขายสินค้าเพียงชนิดเดียวย่อมมีความเสี่ยง ซึ่งแม้ว่าทางบริษัทพยายามจะออกสินค้าใหม่เพื่อกระจายความเสี่ยง แต่ยังมีความเสี่ยงเรื่องการเลือกใช้ส่วนประกอบของสกินแคร์ที่จะต้องมาจากเมือกหอยทากเท่านั้น
ไหนจะเรื่องความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อสินค้า เพราะสกินแคร์เป็นสิ่งที่คนใช้แล้วต้องรู้สึกว่าผลิตภัณฑ์มันดี หรือใช้แล้วเห็นผล เช่น หน้าใสขึ้น เป็นต้น และแม้ว่า DDD จะประสบความสำเร็จจากการทำสินค้าให้บูมในจีนได้ รวมถึงในกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่มาไทยด้วย
แต่การที่ DDD ยังใช้โมเดลเดิม โดยบุกตลาดขนาดใหญ่อย่างฟิลิปปินส์ที่มีประชากรเกือบ 105 ล้านคน อาจจะต้องระวังความเสี่ยงเพิ่ม! เช่นเดียวกับผลประกอบการที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากการผูกกับตลาดจีน โดยเฉพาะการทุ่มงบการตลาดที่ใช้มากเกินไป ซึ่งจะเห็นว่าค่าใช้จ่ายจากการขายและบริหารเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
สำหรับคาดการณ์ผลประกอบการ นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป จำกัด มองว่าผลประกอบการไตรมาส 4/2561 ยังขาดทุนต่อ โดยประเมินว่าจะขาดทุนสุทธิราว 0.77 ล้านบาท แย่กว่าที่คาดว่าไตรมาส 3/2561 ที่เดิมคาดว่าจะเป็นจุดต่ำสุด แม้รายได้จากการขายจะโตจากการออกสินค้าใหม่ที่ได้กระแสตอบรับดี แต่ยังไม่พอชดเชยยอดขายที่หายไปจากตลาดดั้งเดิม ซึ่งยังคงได้รับผลกระทบจากการปิดตลาดค้าส่ง รวมถึงช่องทางคิง พาวเวอร์ หลังนักท่องเที่ยวชาวจีนลดลง เพราะฉะนั้นทำให้นักวิเคราะห์ปรับลดประมาณการกำไรปี 2561 ใหม่ โดยคาดกําไรอยู่ที่ 174 ล้านบาท จากเดิมที่คาดไว้ 227 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ก็คงต้องลุ้นการเติบโตของหุ้น DDD ว่าจะทำได้ตามแผนหรือไม่ เพราะยังมีโอกาสรองรับ อย่างตลาดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจีนเอง มีมูลค่าสูงกว่า 1 ล้านล้านบาทเลยทีเดียว ขณะเดียวกันฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่มีคนใช้งานอินเตอร์เน็ตต่อวันมากที่สุดในโลก เฉลี่ย 10 ชั่วโมงกว่า ขณะเดียวกันก็ต้องลุ้นราคาหุ้น DDD หลังเคยขึ้นไปสูงสุดที่ราคา 119 บาท จากราคาเสนอขายครั้งแรกหรือราคาหุ้นไอพีโอที่ 53 บาท
ทั้งแผนการลงทุนและราคาหุ้น จึงเป็นบททดสอบสำคัญของ DDD ในปีนี้
ที่มา บทวิเคราะห์หุ้น DDD บล.ฟิลลิป และรายงานประจำปี 2560 ของบริษัท