"สมคิด" ถกเจบิกพร้อมสนับสนุนโครงการสำคัญของไทย เสนอควรมีกองทุนฉุกเฉินรับความเสี่ยงการลงทุน

>>

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการหารือกับ นายทะดะชิ มะเอะดะ ผู้ว่าการธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (เจบิก) และคณะผู้บริหาร เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า เจบิกได้เข้าหารือถึงการเข้ามาร่วมสนับสนุนโครงกาสำคัญของรัฐบาลไทย 3 โครงการ ทั้งโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โครงการพัฒนาเมืองอัจฉริยะหรือสมาร์ทซิตี้ และโครงการพัฒนาผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของไทย ซึ่งจากนี้ไปจะมีการหารือกันในรายละเอียดอีกครั้ง

ทั้งนี้ในโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ทางเจบิกได้มายืนยันข้อมูลความร่วมมือว่า โครงการนี้ถือเป็นโครงการสำคัญที่ต้องการเข้ามาร่วมสนับสนุนเงินทุนสำหรับการดำเนินโครงการ และยังถือเป็นโครงการแรกที่รัฐบาลญี่ปุ่นร่วมมือกับรัฐบาลจีน ลงทุนในประเทศที่ 3 ซึ่งทั้งสองประเทศเลือกที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยผ่านโครงการรถไฟความเร็วสูงสายดังกล่าว ที่ล่าสุดโครงการยังอยู่ระหว่างการเจรจากับเอกชนผู้ชนะการประมูล โดยทางการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แจ้งว่าจะสรุป รายละเอียดได้ภายในวันที่ 19 มี.ค.นี้ และทางเจบิกจะนำเรื่องดังกล่าวไปหารือกับจีนในคณะกรรมการร่วมสองประเทศต่อไป

"ตอนนี้ทางเจบิกสนใจเข้ามาร่วมสนับสนุนรัฐบาลไทย 3 โครงการสำคัญ โดยเฉพาะในโครงการรถไฟความเร็วสูงที่ทางเจบิกยืนยันว่าจะเข้ามาสนับสนุน ทุกเรื่องที่ปรากฏอยู่ในเงื่อนไขทีโออาร์ของโครงการนี้ แต่จะไปพบกับฝ่ายจีนอีกครั้งเพื่อสรุปทั้งหมด ซึ่งถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง โครงการนี้จะสามารถลุล่วงไปได้ ไม่น่าเป็นห่วง ส่วนอีก 2 โครงการที่เหลือคงต้องมาคุยในรายละเอียดกันอีกครั้งว่าจะทำอย่างไร ซึ่งทางเจบิกก็มีความพร้อมและเชี่ยวชาญอยู่แล้ว" นายสมคิดกล่าว

นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร  รัฐมนตรีช่วยว่าการคมนาคม กล่าวว่า  เจบิกได้สอบถามความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าความ เร็วสูงเชื่อมสามสนามบินอีอีซี ซึ่ง ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการเจรจากับกลุ่มกิจการร่วมค้า เจริญโภคภัณฑ์ โฮลดิ้ง และพันธมิตร เชื่อว่าจะได้ข้อสรุปในอีกไม่ช้า ขณะเดียวกันได้เสนอกองทุนสำรองฉุกเฉินเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการลงทุน และแนวทางการบริหารโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาล และเอกชน (Public Private Partnership : PPP) เพื่อรองรับความเสี่ยงของการลงทุนและบริหารโครงการในอนาคต