“บลจ.ทิสโก้”...ส่ง ‘กอง TCINC’ ช่วยนักลงทุนรับมือหุ้นผันผวน

>>

บลจ.ทิสโก้”...ส่ง ‘กอง TCINC’ ชูกลยุทธ์ลงทุนแบบผสม ตอบโจทย์นักลงทุนช่วงตลาดหุ้นผันผวน-เศรษฐกิจชะลอตัว เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว เปิด IPO 11-20 มี.ค. 19 นี้

นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน บลจ.ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาดัชนีหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้นเกือบ 5% รับข่าวธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ส่งสัญญาณชะลอขึ้นอัตราดอกเบี้ย การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนมีความคืบหน้า และราคาน้ำมันฟื้นตัว แต่หลังจากนี้บริษัทมองว่าตลาดหุ้นไทยจะเริ่มผันผวน เพราะผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนจะเริ่มชะลอตัว ตามภาวะเศรษฐกิจในประเทศ

“ตลาดหุ้นไทยในระยะยาวแม้ว่าจะมีแนวโน้มที่ดี โดยคาดว่าจะมีการลงทุนต่อเนื่องโดยเฉพาะจากภาครัฐ ขณะที่สภาวะดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับต่ำ มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในไทย

( สาห์รัช ชัฏสุวรรณ )


แต่ในขณะเดียวกัน ยังมีปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่คาดว่าจะเข้ามาสร้างความกังวลต่อนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง เช่น เศรษฐกิจไทยที่อาจจะเติบโตน้อยลงจากปัจจัยสงครามการค้า และท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากนักท่องเที่ยวจีนที่ชะลอลง ส่งผลต่อผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่อ่อนตัวลงตาม บริษัทคาดว่าตลาดหุ้นไทยจะยังคงมีความผันผวนสูงตลอดปี”  

นายสาห์รัช ยังกล่าวอีกว่า กลยุทธ์การลงทุนสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ไม่มากนัก แนะนำให้กระจายสินทรัพย์การลงทุนเพื่อลดความผันผวนของผลตอบแทน เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว ล่าสุด บริษัทเปิดขาย ‘กองทุนเปิด ทิสโก้ คอนเซอเวทีฟ อินคัม (TCINC)’  ความเสี่ยงระดับ 5 (เสี่ยงปานกลางค่อนข้างสูง) เป็นกองทุนรวมผสมที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ และกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์อื่น เช่น

  • หุ้น
  • กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์
  • ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
  • กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน
  • ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน เงินฝาก หลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น ทั้งในประเทศ และ/หรือต่างประเทศ 

เสนอขายวันแรก (IPO) 11-20 มี.ค. 2019  นี้

‘กอง TCINC’ มีจุดเด่น คือ ผู้ลงทุนได้กระจายสินทรัพย์การลงทุนได้อย่างหลากหลาย ปัจจุบันผู้จัดการกองทุนให้น้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้ 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิกองทุน (NAV) พร้อมเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุน เพราะให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นอีก 10% และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนโครงสร้างพื้นฐานอีก 10% ของ NAV  

“ส่วนประเด็นราคาตราสารหนี้ในประเทศนั้น ยังไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลนัก เพราะคาดว่าปีนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงอีกหลายประการที่ต้องได้รับการสนับสนุนจากนโยบายการเงินในเชิงผ่อนคลาย ‘กอง TCINC’ อาจมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในต่างประเทศ จึงมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนรวม”