จากคดีฆ่าเสือดำทุ่งใหญ่....สู่ความมั่งคั่งกว่า 4 พันล้านที่หายไปของผู้ถือหุ้น ITD

>>

จากคดีที่ดังลั่นสนั่นเมืองกับการพบซากเสือดำ ที่ทุ่งใหญ่นเรศวรจากกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีผู้บริหารคนดัง เปรมชัย กรรณสูต จากอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ รวมอยู่ด้วย แม้คดีอยู่ระหว่างการสอบสวนมานานกว่า 1 ปีแล้ว ก็ยังไม่พบที่ชัดเจน


และแม้คดีความยังเดินหน้าต่อไปท่ามกลางการจับตาของสังคมว่าบทสรุปจะออกมาเช่นไร แต่ในอีกฟากหนึ่งของธุรกิจกลับพบความเคลื่อนไหวบางอย่าง เมื่อหัวเรือใหญ่ ITD เทขายหุ้นออกมาต่อเนื่อง กดดันราคาหุ้นร่วงไปเกือบ 30 % นับจากปลายปีที่ผ่านมา ส่งผลความมั่งคั่งของผู้ถือหุ้นหายไปกว่า 4.5 พันล้านบาท เกิดอะไรขึ้นกับ ITD วันนี้เราจะมาหาคำตอบ


หนึ่งคดีดังที่สังคมไทยยังจับจ้องว่าบทสรุปจะเป็นอย่างไร หนีไม่พ้นคดียิงเสือดำ ณ ทุ่งใหญ่ ย้อนอดีตเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันที่ 6 ก.พ.2561 เมื่อเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร พบกลุ่มนักท่องเที่ยวตั้งจุดแคมป์พักในบริเวณจุดห้ามตั้ง โดยในกลุ่มนักท่องเที่ยวมี นายเปรมชัย กรรณสูต กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD รวมอยู่ด้วย โดยในจุดตั้งแคมป์พบซากสัตว์ป่าคุ้มครอง ทั้ง

  • ไก่ฟ้าหลังเทา
  • ซากเก้ง
  • เสือดำรวมอยู่ด้วย

ความคืบหน้าของคดียังมีการสอบสวนอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีกินเวลาผ่านไป 1 ปี และสิ่งที่ถูกจับจ้องควบคู่กัน คือธุรกิจของ เจ้าสัวเปรมชัย โดยเฉพาะในกลุ่ม ITD ซึ่งที่ผ่านมาการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นสิ่งที่ถูกตั้งคำถาม เมื่อเจ้าสัวคนดังทยอยขายหุ้นออกมาจำนวนมาก 


ITD ยักษ์ใหญ่รับเหมาก่อสร้าง

บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD เป็นผู้ประกอบธุรกิจ เป็นก่อสร้างและรับเหมาก่อสร้างครบวงจร ที่มีความชำนาญในงานก่อสร้างทุกประเภท เชี่ยวชาญการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ หรือใช้เทคนิคขั้นสูง และขยายธุรกิจรับเหมาก่อสร้างไปต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย ที่กลุ่มเจ้าสัวถือหุ้นใหญ่


ซึ่งที่ผ่านมา บริษัทรายงาน Backlog หรืองานก่อสร้างในมือที่รอรับรู้รายได้ อยู่ในระดับสูงมากกว่า 3.48 แสนล้านบาท จะช่วยหนุนยอดรับรู้รายได้ของ ITD แต่หากพิจารณาผลประกอบการในช่วงที่ผ่านมากลับไม่โดดเด่นอย่างที่นักลงทุนคาดหวัง ท่ามกลางมรสุมทั้งโครงการเหมืองโปรแตส ที่ยังไม่คืบหน้า เช่นเดียวกับงานประมูลภาครัฐที่ออกมาน้อยกว่าคาด

ผลประกอบการ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ ปี 2559 – 2561

ปี รายได้ กำไร
2559 48,389.18 ขาดทุน 109.27
2560 56,139.63 กำไร 412.65
2561 61,894.09 กำไร 305.62
หน่วย : ล้านบาท
ที่มา : www.set.or.th


เจ้าสัวเปรมชัย ทยอยขายหุ้น

สถานการณ์ยิ่งน่าติดตามมากขึ้น เมื่ออยู่ๆผู้ถือหุ้นอันดับ 1 อย่างนายเปรมชัย กรรณสูต เทขายหุ้นอย่างต่อเนื่อง จากที่เคยถือหุ้นในการปิดสมุดผู้ถือหุ้นล่าสุดเมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2561 ทั้งสิ้น 714.47 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 13.53% โดยนับตั้งแต่ 2 เม.ย. 2561 มีการขายหุ้นออกมา 23 ครั้ง คิดเป็นจำนวน 71.17 ล้านหุ้น


สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากเจ้าสัวเทขายหุ้นกระหน่ำ กดดันราคาหุ้นจากเดิมเมื่อ 2 เม.ย. 2561 ที่ 3.10 บาทต่อหุ้น ให้ลดลงเหลือ 2.24 บาทต่อหุ้น ในวันที่ 8 มี.ค. 2562 หรือลดลงมากกว่า 27 % และหากดูราคาหุ้นการที่มูลค่าหายไป 27% อาจไม่ใช่ตัวเลขที่หนักหนาสาหัส แต่เมื่อดูมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดแล้วก็จะพบว่า มูลค่าหุ้นลดลงจาก 1.63 หมื่นล้านบาท เหลืออยู่ในปัจจุบัน 1.19 หมื่นล้านบาท หรือความมั่งคั่งของผู้ถือหุ้นหายไป 4.46 พันล้านบาทเลยทีเดียว


คำถาม คือ แล้วปีนี้ผลประกอบการ ITD จะเป็นอย่างไร?

นักวิเคราะห์ยังมองมุมบวกกับหุ้น ITD โดย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ประเมิน แนวโน้มผลประกอบการกำไรจะเติบโตโดดเด่น กำไรน่าจะเติบโตได้ระดับ 53% จากปีก่อน หรือทำกำไรได้ระดับ 468 ล้านบาท


เพราะขณะนี้ ITD มี Backlog รวมประมาณ 3.48 แสนล้านบาท แต่ถ้าตัดสัมปทานโครงการท่าเรือและทางรถไฟในโมซัมบิค และ ทางด่วนที่ Dhaka 1.48 แสนล้านบาท จะเหลือ Backlog 2 แสนล้านบาท ช่วยหนุนยอดรับรู้รายได้ของ ITD ยังอยู่ในระดับสูง และในอนาคตรัฐบาลมีแผนจะเปิดประมูลโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ต่อเนื่อง จะช่วยเพิ่มงานในมือ


แต่โครงการขนาดใหญ่หลายโครงการที่ ITD ลงทุน และได้สร้างภาระกระทบต่องบการเงินตลอดในรอบหลายปีที่ผ่านมา เช่น

  • โครงการทวาย ใช้เงินลงทุนไปแล้ว 7,738 ล้านบาท 
  • โครงการเหมืองแร่โปแตช ใช้เงินลงทุนไปแล้ว 3,243 ล้านบาท



ปัจจุบันยังมีความล่าช้า จึงยังสร้างภาระทั้งค่าใช้จ่าย และ ภาระดอกเบี้ยหนี้เงินกู้ เราประเมินยอดรับรู้รายได้ในปี 2562 เท่ากับ 60,650 ล้านบาท ใกล้เคียงปีก่อน


แต่ในขณะเดียวกันการขายหุ้นออกมามากขนาดนี้ นักวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ ให้ความเห็นผ่านสื่อว่า น่าจะเกิดจากความต้องการใช้เงินของผู้บริหาร แต่จะส่งสัญญาณที่ไม่ดีกับผู้ลงทุนทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่นกับผู้ลงทุนได้


แม้ว่าเราจะไม่สามารถหาคำตอบที่ชัดเจนว่า การที่เจ้าสัวเปรมชัย ขายหุ้นออกมาจะมีผลเกี่ยวกับคดีหรือไม่ หรือมีเหตุผลอะไร มันอาจจะเรื่องเดียวกัน หรือคนละเรื่องเดียวกัน ท้ายที่สุดมีเพียงเจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วคือ
ผู้ถือหุ้นกว่า 41,177 คนได้รับผลกระทบไปแล้ว


ที่มา www.bbc.com