เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายแล้วสำหรับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 24 มีนาคมนี้ หลังวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีคนไปเลือกตั้งล่วงหน้า 86.98% หรือกว่า 2.3 ล้านคน ทาง Wealthy Thai จึงอยากพาไปรู้จักกับ "ซูเปอร์สตาร์" ในด้านเศรษฐกิจหรือการลงทุนของแต่ละพรรค โดยจะขอเลือกพรรคเด่นๆ ขึ้นมารีวิวอีกครั้ง ส่วนใครโดดเด่นกว่าใคร งานนี้ต้องตัดสินเอาเอง
“พลังประชารัฐ” กับผลงานพลิกฟื้นจีดีพี
ของทีม ดร.สมคิด
เริ่มจากพรรคลุงตู่หรือพรรคพลังประชารัฐก่อนเลย ซึ่งพรรคนี้นักข่าวตั้งฉายาว่าเป็นพรรค “พลังดูด” เพราะรวมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จากหลายขั้วการเมืองมารวมไว้ด้วยกัน ซูเปอร์สตาร์พรรคนี้ก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจากทีม “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ แต่จากการที่ดร.สมคิดไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค เลยขอให้ตำแหน่งกับ "กอบศักดิ์ ภูตระกูล" โฆษกประจำพรรคแทน
หนึ่งในทีมงาน และผู้อยู่เบื้องหลังผลงานพลิกตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพี จาก 1% มูลค่าจีดีพีรวม 13 ล้านล้านบาท ในขวบปีแรกหรือปี 2557 ที่รัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เข้ามาทำงาน เป็น 4.1% ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 6 ปี มูลค่าจีดีพีรวม 16.31 ล้านล้านบาท
ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นแนวนโยบายที่ผ่านมาของรัฐบาลคล้ายกับรัฐบาลคนไกลบ้าน นั่นก็เพราะว่ารองนายกฯ สมคิด เคยเป็นกุนซือคนสำคัญ สมัยที่ทักษิณเข้าสู่การเมืองใหม่ๆ ตามที่หนุ่มเมืองจันท์ เคยนำมาเล่าในรายการเพาเวอร์เกมตอนแรก ของเดอะสแตนดาร์ด จึงอาจมีกลิ่นไอของนโยบายเก่าๆอยู่บ้าง
(รูปประกอบจากพรรคพลังประชารัฐ)
ชัชชาติ ณ เพื่อไทย กับกลยุทธ์ใหม่ “เพื่อไทย หัวใจเพื่อเธอ”
พรรคที่ 2 คือ พรรคเพื่อไทย พรรคนี้ไม่ว่าจะถูกยุบหรือเปลี่ยนชื่อกี่ครั้ง แต่กระแสก็ดีตลอด ที่อาจจะได้คะแนนเสียงมากที่สุด สำหรับพรรคนี้เรียกได้ว่าผลงานในอดีตเข้าไปนั่งในใจใครหลายคน ไม่ว่านโยบายโคล้านตัว 30 บาทรักษาทุกโรค และรถเมล์ฟรีจากภาษีประชาชน
สำหรับซูเปอร์สตาร์ประจำพรรคนี้คือ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เจ้าของฉายา “รัฐมนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี” กับภาพใส่เสื้อกล้ามสีดำ กางเกงขาสั้น สมัยน้ำท่วมปี 2554 อย่างไรก็ตามถ้าไม่นับงานการเมือง อีกภาพหนึ่งของเขาเคยเป็นผู้บริหารระดับสูงในวงการอสังหาริมทรัพย์ เคยนั่งเก้าอี้กรรมการบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH หนึ่งในบริษัทอสังหาฯ ยักษ์ใหญ่ของเมืองไทย
นอกจากนี้ยังเคยทำงานเป็นผู้บริหารโฮมโปร บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO และบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH เจ้าของศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 ซึ่งเป็นอาณาจักรของ “อนันต์ อัศวโภคิน” เจ้าพ่อวงการอสังหาเมืองไทย หนึ่งในคนที่ว่ากันว่าเป็นสนิทของคนแดนไกล
อย่างไรก็ตามการกลับมารอบนี้ของพรรคเพื่อไทย เน้นทำมาร์เก็ตติ้ง “พรรคเพื่อไทย หัวใจเพื่อเธอ” พร้อมดึงชัชชาติมาดูดเสียงคนในเมืองและคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะเรื่องระบบคมนาคมที่ชัชชาติพูดบ่อยๆ อาจจะเป็นไปได้ว่าขั้วการเมืองแบบเดิมๆ ที่คนเบื่อแล้ว! จับทางได้แล้ว นอกจากนี้เมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา ทางพรรคเพื่อไทยยังออกนโยบายโค้งสุดท้าย "หวยบำเหน็จ" รับวันหวยออก เปลี่ยนเงินซื้อหวยเป็นเงินออม
(รูปประกอบจากพรรคเพื่อไทย)
พรรคประชาธิปัตย์กับดาวรุ่งที่มาเป็นทีม
พรรคที่ 3 คือ “ประชาธิปัตย์” แม้ว่าช่วงนี้แคนดิเดตนายกฯ อย่างอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกมาประกาศชัดว่าจะไม่หนุนลุงตู่ ทำให้ใครหลายคนที่กำลังลังเลว่าจะเลือกพรรคนี้ดีหรือไม่ ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าตราบใดก็ตามที่ประชาธิปัตย์ยังคงใช้ “มติพรรค” หรือยังเดินเกมแบบเดิม การได้กลับมาเป็นรัฐบาลก็คงยาก แม้ว่าจะเป็นพรรคที่มีอายุมากที่สุดตาม เก่าอาจจะไม่ได้หมายความว่าเก๋าด้วย
เพราะฉะนั้นซูเปอร์สตาร์ประจำพรรคนี้ที่อยากจะพูดถึงคือ “กรณ์ จาติกวณิช” กับผลงานด้านเทคโนโลยีทางการเงินหรือ “ฟินเทค” ผู้ก่อตั้งสมาคมฟินเทคแห่งประเทศไทย ผู้ที่อยากเห็นการลดต้นทุนการเงินของคนไทย การเข้าถึงการเงิน ความเท่าเทียมในการแข่งขันของภาคธุรกิจฟินเทค และการผลักดันฟินเทคสตาร์ทอัพให้เติบโต
หรือแม้แต่หลานอภิสิทธิ์ อย่าง “ไอติม-พริษฐ์ วัชรสินธุ” ก็มีมุมมองทางการเมืองที่น่าสนใจ จากการร่วมดีเบตของช่องทีวีต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นถ้าประชาธิปัตย์ สามารถดึงคนในพรรคให้เด่นได้ จะน่าสนใจกว่านี้
(รูปประกอบจากพรรคประชาธิปัตย์)
อนาคตใหม่ พ่อของฟ้า! และอาณาจักรแสนล้าน
ต่อมาคือพรรคอนาคตใหม่ พรรคการเมืองป้ายแดง จากการฟอร์มทีมของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” อดีตรองประธานกรรมการบริหารไทยซัมมิท กับ “ปิยบุตร แสงกนกกุล” อดีตอาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
สำหรับซูเปอร์สตาร์ของพรรคนี้ก็คือ “พ่อของฟ้า” หรือธนาธร หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แม้ลาออกจากการนั่งเก้าอี้บริการกลุ่มบริษัทไทยซัมมิทกรุ๊ปแล้ว บวกกับบริษัทของตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจจะไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็ตาม แต่เมื่อส่องอาณาจักรกลุ่มไทยซัมมิท ก็พบว่าเป็นผู้ประกอบธุรกิจชิ้นส่วนประกอบรถยนต์รายใหญ่ของไทยกินส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ในประเทศมากที่สุด
โดยปีที่ผ่านมา “สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ” แม่ของธนาธร ถูกจัดอันดับโดยนิตยสารฟอร์บส ให้อยู่ในทำเนียบ 50 มหาเศรษฐีไทย มีมูลค่าทรัพย์สินราว 4.11 หมื่นล้านบาท พร้อมตั้งเป้าหมายบุกธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ในอนาคต
อย่างไรก็ตามช่วงเช้าของวันนี้ ธนาธรแถลงข่าวการโอนทรัพย์สินให้บุคคลที่ 3 หรือ Blind Trust เพื่อแยกเรื่องธุรกิจและการเมืองออกจากกัน โดยการโอนทรัพย์สินนี้จะทำให้ตรวจสอบไม่ได้และมองไม่เห็น ทำให้ไม่สามารถเอื้อประโยชน์หรือมีอำนาจสั่งการ
(รูปประกอบจากพรรคอนาคตใหม่)
พรรคภูมิใจไทย “มีรูมีหนู”
นอกจากนี้ซูเปอร์สตาร์ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ ยังมี “อนุทิน ชาญวีรกูล” หรือเสี่ยหนู หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กับนิยามการทำงานที่เจ้าตัวตั้งเองว่า “มีรูมีหนู” ผู้ถือหุ้นบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC ซึ่งมีงานในมือหรือแบ็คล็อคอันดับต้นๆ ในกลุ่มบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งเป็นหุ้นที่ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม SET100 หรือหุ้นที่อยู่ในลิสต์ 100 อันดับแรก ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแค็ป) สูง มีสภาพคล่องสูง
(รูปประกอบจากพรรคภูมิใจไทย)
ชาติพัฒนา เมื่อ สุวัจน์ No Problem!
พรรคชาติพัฒนา No Problem! พรรคนี้เป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯ อีกคน เจ้าของรองเท้า Balenciaga ที่วัยรุ่นพูดถึงว่าลุงคนนี้รสนิยมดี! ซึ่งถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าทุกเวทีที่สุวัจน์ขึ้นดีเบตนโยบายพรรค เขาจะใส่สูทสีแสดตลอด นี่ก็เป็นมาร์เก็ตติ้งอย่างหนึ่งที่ทำให้คนรุ่นใหม่จำพรรค (เก่าแก่) นี้ได้
ซึ่งถ้าย้อนไปสุวัจน์เคยนั่งเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีมาหลายกระทรวง ในด้านธุรกิจ ครอบครัวลิปตพัลลภ ทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างภายใต้ “กลุ่มบริษัทประยูรวิศว์” โดยปัจจุบันมีลูกสาวและลูกชายรับไม้ต่อทำธุรกิจอสังหาฯ เช่น โครงการสวนน้ำวานานาวา หัวหิน
(รูปประกอบจากพรรคชาติพัฒนา)
#ลุงมิ่ง กับความหวังเศรษฐกิจใหม่
และสุดท้ายพรรคที่มาดังช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้งคือพรรคเศรษฐกิจใหม่ “มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์” หน่อพรรคเพื่อไทยที่แยกออกมาตั้งพรรคเอง สำหรับมิ่งขวัญหรือที่เจ้าตัวปลื้มมากกับแฮชแท็ก “ลุงมิ่ง” ในทวิตเตอร์ นโยบายด้านเศรษฐกิจที่เข้าใจง่าย และฟังเพลินทุกครั้งที่ลุงมิ่งแถลงนโยบาย ซึ่งถ้าย้อนไปดูมิ่งขวัญเคยเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคพลังประชาชนในสมัยโน้น ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นพรรคเพื่อไทยในวันนี้
(รูปประกอบจากพรรคเศรษฐกิจใหม่)
อย่างไรก็ตามยังมีพรรคอื่นๆ อีกหลายพรรคที่ยังไม่ได้พูดถึง ก็อาจจะมีนโยบาย (โค้งสุดท้าย) มาเซอร์ไพร้ส์คนอ่าน ยังไงก็อย่าลืมไปใช้สิทธิ์ เข้าคูหากาเบอร์...
ที่มา https://www.youtube.com/watch?reload=9&v=B2TThqtGOkA
http://news.thaipbs.or.th/content/278489
https://www.thairath.co.th/content/1490168
https://www.bbc.com/thai/thailand-44001760
https://democrat.or.th/th/policy-all
https://election2019.ptp.or.th/
https://futureforwardparty.org/
http://www.chartpattana.com/
https://www.khaosod.co.th/election-2019/news_2320317
https://www.thairath.co.th/content/380201
และรายงานประจำปีของ QH และ STEC