TPBI ปรับกลุ่มธุรกิจรับเทรนด์บรรจุภัณฑ์ตลาดโลก หลังเสริมแกร่งซื้อกิจการประเทศอังกฤษ
>>
‘บมจ.ทีพีบีไอ’ หรือ TPBI เดินหน้าแบ่งกลุ่มธุรกิจใหม่ รับเทรนด์การเปลี่ยนของพฤติกรรมผู้บริโภค ลดใช้ถุงพลาสติกแบบหูหิ้ว ชี้ หลัง Transformation เริ่มเห็นทิศทางบวกจากยอดขายกลุ่มถุงขยะปรับเพิ่มต่อเนื่อง รับแนวโน้มในการใช้ผลิตภัณฑ์ Bioplastic และกระดาษมีมากขึ้น มั่นใจผลการดำเนินงานปี 2562 เริ่มฟื้นตัว หลังเริ่มใช้กำลังการผลิตใหม่โรงงาน Flexible Packaging และเข้าลงทุนบรรจุภัณฑ์กระดาษในกลุ่มบริษัท Intelipac ที่ประเทศอังกฤษและประเทศออสเตรเลียเมื่อปีที่แล้ว ดันภาพรวมรายได้เติบโตในระยะยาว
นายสมศักดิ์ บริสุทธนะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทีพีบีไอ หรือ TPBI ผู้นำอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ครบวงจรระดับโลกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและรับผิดชอบต่อสังคม มีกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานสากล เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินงานในปี 2562 บริษัทฯ จะทำการปรับกลุ่มธุรกิจ (Business Unit) ใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการขยายธุรกิจในอนาคต ที่มุ่งสู่บรรจุภัณฑ์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าว ซึ่งส่งผลให้เทรนด์ของอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ในตลาดโลก ณ ปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไป โดยเบื้องต้นบริษัทฯ จะแบ่งกลุ่มธุรกิจออกเป็น 4 กลุ่ม เพื่อสร้างความชัดเจนในการดำเนินงาน ดังนี้
- กลุ่ม Consumable คือกลุ่ม General Packaging เดิม เช่น ถุงหูหิ้ว ถุงใส่ผักผลไม้ ถุงขยะ บริษัทฯ วางแผนขยายบรรจุภัณฑ์ประเภทใหม่ ๆ เพิ่มเติม เช่น ถุงขยะรูปแบบใหม่ บรรจุภัณฑ์สำหรับภาคขนส่ง ถุงใส่อาหาร โดยในกลุ่มนี้มีตลาดหลักอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย อังกฤษ อเมริกา นิวซีแลนด์และญี่ปุ่น ปัจจุบันมีกำลังการผลิตประมาณ 62,000 ตันต่อปี
- กลุ่ม Flexible ประกอบด้วย กลุ่มฟิล์ม กลุ่มบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อนสำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่ม Digital Printing โดยเน้นทำตลาดในประเทศไทย เวียดนาม สิงคโปร์และออสเตรเลีย ปัจจุบันมีกำลังการผลิตในกลุ่มฟิล์ม 11,500 ตันต่อปี และกลุ่มบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อนอีก 150 ล้านเมตรต่อปี
- กลุ่ม Paper ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์กระดาษ มีโรงงานและตลาดหลักอยู่ที่ประเทศอังกฤษ โดยมีกำลังการผลิต 516 ล้านใบต่อปี
- กลุ่ม Trading เป็นการซื้อ-ขายบรรจุภัณฑ์ที่ไม่จำกัดเฉพาะพลาสติก ในกรณีที่เป็นบรรจุภัณฑ์พลาสติก บริษัทฯ จะเน้นประเภทที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้มากกว่าประเภทใช้ครั้งเดียวทิ้ง โดยตลาดหลักของกลุ่มธุรกิจนี้จะอยู่ที่อังกฤษ ออสเตรเลีย และวางแผนขยายไปอเมริกา
ทั้งนี้ แผนการขยายธุรกิจในปี 2562 บริษัทฯ จะเน้นการเจาะตลาดในกลุ่
ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังเน้นการทำตลาดในกลุ่มประเทศเดิมที่มีฐานลูกค้าแข็งแกร่งอยู่แล้ว ทั้งอังกฤษ ออสเตรเลีย อเมริกาและไทย โดยบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจากกลยุทธ์ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น การขยายตลาดและผลิตภัณฑ์ใหม่ การเข้าลงทุนใน กลุ่มบริษัท Intelipac ที่ประเทศอังกฤษและประเทศออสเตรเลีย รวมถึงการขยายกำลังการผลิตโรงงาน Flexible Packaging เมื่อปีที่แล้ว จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้รายได้ของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นและเติบโตได้อย่างมั่นคง
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TPBI กล่าวว่า แผนยุทธศาสตร์การ Transformation ที่บริษัทฯ ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องนั้น เริ่มส่งผลบวก โดยเห็นได้จากรายได้ในกลุ่มถุงขยะและถุงใส่ผักผลไม้ในปี 2561 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1,128 ล้านบาท จากเดิมปี 2560 อยู่ที่ 960 ล้านบาท และรายได้ในกลุ่ม Flexible packaging ในปี 2561 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 734 ล้านบาท จากเดิมปี 2560 ที่ทำได้ 666 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ จะมุ่งมั่น Transformation ต่อไปเพื่อให้ผลประกอบการของบริษัทฯ เติบโตได้อย่างมั่นคงในระยะยาว
“การจัดกลุ่มธุรกิจออกเป็น 4 กลุ่มจะช่วยให้บริษัทฯ มีความคล่องตัวและเข้มแข็งในการทำการตลาดมากขึ้น ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาการ Transformation เริ่มเห็นผลที่เป็นรูปธรรมจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น บริษัทจะยังคง Transformation ต่อไปเพื่อสร้างการเติบโตที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว” นายสมศักดิ์ กล่าว