บล.ฟินันเซีย ไซรัส
คาดว่า SET Index จะยังแกว่งตัว Sideways ต่อเนื่องแม้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะส่งสัญญาณไม่ขึ้นดอกเบี้ยปีนี้ แต่มีการปรับตัวเลขคาดการณ์ GDP ลงสะท้อนให้เห็นมุมมองเศรษฐกิจที่ถูกกระทบจาก Trade War ขณะที่ประเด็น Brexit ยังต้องรอความชัดเจนในสัปดาห์หน้าทั้งการลงมติรอบ 3 รวมถึง EU ว่าจะเห็นชอบขยายเส้นตายออกไปหรือไม่ โดยยังมองกลุ่ม Domestic Play หน้าสนใจจากการดำเนินนโยบายของรัฐบาลใหม่ภายหลังการเลือกตั้ง
บล.กรุงศรี
มีมุมมองเป็นบวกเล็กน้อยคาดดัชนีปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,635 - 1,640 จุดก่อนจะสลับอ่อนตัว โดยภาวะตลาดได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นทำ high ในรอบ 4 เดือนเหนือ 60 เหรียญต่อบาร์เรล หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 9.6 ล้านบาร์เรล รวมถึงเฟดมีมติคงดอกเบี้ยที่ 2.5% ตามคาดรวมถึงส่งสัญญาณไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ (เดิมจะปรับขึ้นดอกเบี้ยปีนี้ 2 ครั้ง) และจะชะลอการปรับลดงบดุลในเดือนพ.ค. จาก 3 เหลือ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน ก่อนจะยุติการปรับลดงบดุลในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นบวกต่อการลงทุน Risk asset
อย่างไรก็ตาม ความกังวลการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะเป็นแรงกดดันหลังเฟดปรับลดคาดการณ์ GDP สหรัฐปีนี้ลงสู่ 2.1% (จากเดิม 2.3%) และปีหน้าจาก 2% ลงสู่ 1.9% นอกจากนี้ กนง. มีการปรับลดคาดการณ์ GDP ไทยปีนี้ลงสู่ 3.8% (จากเดิม 4%) โดยลดคาดการณ์การขยายตัวในหลาย sector ทั้งการบริโภค การลงทุนของภาครัฐและเอกชน รวมถึงการส่งออก นำเข้า ซึ่งจะกดดันให้ภาวะตลาดยังคงมีความผันผวนต่อไป
บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย)
มองตลาดหุ้นวันนี้จะผันผวนอิงทางบวกเป็นหลัก จากปัจจัยหนุนภายนอก คือ ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องทะลุ 60 เหรียญต่อบาร์เรล หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงมากกว่าคาดการณ์ ซึ่งเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงานไทย และประเด็นที่เฟดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่เดิม พร้อมส่งสัญญาณไม่ขึ้นดอกเบี้ยเลยในปี 2562 โดยคาดว่าจะเป็นบวกต่อ fund flow ที่อาจจะไหลเข้าภูมิภาคได้
อย่างไรก็ตาม คาดประเด็นบวกดังกล่าวข้างต้นจะถูกกดดันด้วยประเด็นความไม่แน่นอนจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน, ประเด็น Brexit Deal และการเมืองภายในที่กำลังเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้าย โดยรวมจึงทำให้มองดัชนีจะผันผวนในกรอบ Sideways-Sideways Up ระหว่าง 1,620-1,640 จุด