“บลจ.แอสเซท พลัส”...ปลื้มปี18 ‘รายได้-กำไร’ โตดี ตั้งเป้ารายได้ปี19 เติบโต 25% ส่วน AUM เพิ่ม 30% แย้มไตรมาส2 มีแผนออก ‘กองหุ้นต่างประเทศ’ ใช้กลยุทธ์ Hedge Fund ตอบโจทย์ลูกค้าระดับบนโดยเฉพาะ ส่วนหุ้นไทยมองเป็นตลาดไซด์เวย์ ให้เป้าปีนี้ที่ 1,700 จุด
นายคมสัน ผลานุสนธิ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาดและผลิตภัณฑ์ บลจ.แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยว่า ในปี2018 บริษัทมีสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) ประมาณ 31,619.91 ล้านบาท ในแง่ของสินทรัพย์ถือว่าไม่โตแต่มีความกระชับมากขึ้น เพราะบริษัทมุ่งเพื่อที่จะเป็น ‘Wealth Management’ มากขึ้น ทุกกองที่ออกมาลูกค้าต้องประสบความสำเร็จในการลงทุน ดังนั้นในแง่ของกองทุนปัจจุบันถือว่ามีครบเพียงพอให้ลูกค้าจัดสรรการลงทุน (Asset Allocation) เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายการเงินของลูกค้าได้เพียงพอแล้ว ถ้าจะมีอะไรก็ต้องเป็นอะไรที่น่าสนใจจริงๆ
“แม้ปี18 AUM บริษัทอาจไม่เติบโต แต่ในแง่ของรายได้และกำไรกลับเติบโตได้ดี โดยมีรายได้ 460 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% เช่นเดียวกับกำไรที่เพิ่มขึ้นประมาณ 30% ในปี19 นี้ บริษัทตั้งเป้า AUM เพิ่มขึ้นเป็น 40,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 30% ในขณะที่รายได้นั้นตั้งเป้าเติบโตอีก 25% ในปีนี้ พร้อมกันนั้นก็จะเน้นไปในเรื่องของการสื่อสารให้มากขึ้นเป็นสำคัญ”
นายคมสันต์ ยังกล่าวอีกว่า ช่วงไตรมาสที่2/19 ช่วงพ.ค.-มิ.ย. บริษัทจะเปิดตัวกองทุนใหม่ซึ่งน่าจะเป็นกองแรกในอุตสาหกรรมด้วย โดยกองทุนต่างประเทศที่จะไปลงทุนนั้นเป็นกองทุนหุ้นที่ใช้กลยุทธ์การบริหารแบบ Hedge Fund ที่นักลงทุนกลุ่ม Private Banking รู้จักเป็นอย่างดี หลังจากที่เขาปิดไม่ให้ซื้อเพิ่มมาเป็น 10 ปี
ในรอบนี้เขาเปิดให้ซื้อเพิ่มได้และเลือกเราเป็นพันธมิตรที่จะขายกองทุนนี้ ถือเป็นโพรดักต์ที่จะมาเติมเต็มพอร์ตให้กับนักลงทุนของเรา ซึ่งบริษัทได้โควต้าวงเงินในการขายมาไม่เกิน 3,000 ล้านบาท ตรงนี้คงขายให้กลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่งสูง (High Net Worth) เป็นหลัก ผลตอบแทนที่กองทุนหลักทำได้เฉลี่ย 8-10% ต่อปี ถือว่าโอเคเลยทีเดียว
“ส่วนธีมการลงทุนที่บริษัทแนะนำนั้น เป็นแนวโน้มใหญ่ของโลกทั้ง 3 ได้แก่ 1) Robotic&Disruptive กลุ่มที่เป็นนวัตกรรมและเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก 2) จีน และ 3) กลุ่มประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง ได้แก่ อินเดีย และเวียดนาม ซึ่งสามารถถือลงทุนเพื่อคาดหวังผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวได้ทั้ง 3 ธีมเลย”
นายคมสันต์ ยังกล่าวอีกว่า บริษัทให้น้ำหนักหุ้นไทยเท่าตลาด (Neutral) ไม่ได้มองว่าดีมาก มองเป็นตลาดแกว่งตัวออกข้าง (Sideway) ดัชนีปี19 ที่ 1,700 จุดก็ไม่ง่ายแล้วสำหรับหุ้นไทย ไม่ได้คาดหวังว่าหลังเลือกตั้งแล้วเม็ดเงินลงทุนจะไหลเข้ามามากมายเพราะมีตลาดอื่นที่น่าสนใจกว่าไทยก็มี ในขณะที่กำไรบริษัทจดทะเบียนก็ไม่ได้โตโดดเด่นตลาดมองกันปีนี้โต 8% แต่เรามองต่ำกว่านั้น นี่คือเหตุผลที่มองว่าหุ้นไทยอาจจะแกว่งตัวอยู่แบบนี้ในปีนี้