นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การผลิตรถยนต์ในเดือน ก.พ. อยู่ที่ 1.83 แสนคัน เพิ่มขึ้น 2.71% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็น ผลิตเพื่อส่งออก 9.87 หมื่นคัน เพิ่มขึ้น 0.12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศจำนวน 8.43 หมื่นคัน เพิ่มขึ้น 5.92% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ การผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ โดยรถยนต์นั่งในประเทศอยู่ที่ 3.81 หมื่นคัน เพิ่มขึ้น 8.98% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และรถกระบะ ขนาด 1 ตัน ผลิตได้ 4.35 หมื่นคัน เพิ่มขึ้น 3.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแนวโน้มตลาดรถยนต์ของประเทศไทยที่มีการเติบโต เป็นผลมาจากนโยบายของภาครัฐ และมีนโยบายพักชำระหนี้ ประกอบกับรถยนต์นั่งและรถกระบะที่มียอดขายเติบโต แสดงว่าเศรษฐกิจไทยมีทิศทางดีขึ้น
สำหรับการผลิตเพื่อส่งออก โดยรถยนต์นั่งผลิตเพื่อส่งออก 3.59 หมื่นคัน ลดลง 3.93% ส่วนรถกระบะขนาด 1 ตัน มียอดการผลิตเพื่อส่งออก 6.27 หมื่นคัน เพิ่มขึ้น 2.6% โดยการผลิตรถกระบะเพื่อส่งออกเพิ่มขึ้น มาจากการส่งออกไปตลาดอเมริกากลางเพิ่มขึ้น ตามราคาน้ำมัน ส่วนยอดขายรถยนต์ในประเทศอยู่ที่ 8.23 หมื่นคัน เพิ่มขึ้น 9.1%
นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า ภาพรวมตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ในประเทศไทย ยังมีจำนวนรถยนต์ที่ใช้งานไม่มากนัก เนื่องมาจากราคาสูงอยู่ที่ 2 ล้านบาท และจำนวนสถานีชาร์จรถยนต์น้อย โดยตลาดรถยนต์ที่ได้รับความนิยมและสร้างยอดขายได้สูงในไทยต้องมีราคา ไม่เกิน 1 ล้านบาท ส่วนราคารถยนต์ไฟฟ้าเทสลา อยู่ที่ 3.5 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1 ล้านบาท ถือว่าราคารถยนต์ไฟฟ้าของไทยยังแพง กว่าต่างประเทศ 2 เท่า