นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในระยะ 2-3 เดือนหลังเลือกตั้งยังอยู่ในช่วงที่รัฐบาลชุดปัจจุบัน ปฏิบัติหน้าที่อยู่ จะขับเคลื่อนงานใน 2 ส่วนสำคัญที่จะเป็นเสาหลักของการพัฒนา ต่อเนื่องอื่นๆ คือ โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคใต้ (เอสอีซี)
ทั้งนี้ ในส่วนของโครงการอีอีซีหัวใจสำคัญอยู่ที่ความก้าวหน้าของโครงการที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานหลัก คือ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โครงการสนามบินและเมืองการบินอู่ตะเภา รวมทั้งโครงการท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 และโครงการท่าเรือมาบตาพุดระยะที่ 3 หากทั้งหมดคัดเลือกผู้ประมูลและทำสัญญาได้ก็จะทำให้โครงการที่เหลือของอีอีซีดำเนินไปได้ตามแผน
สำหรับเอสอีซี ล่าสุดได้มีการจัดทำ ข้อเสนองบประมาณปี 2563 ของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยโครงการนี้จะมีงบ รองรับดำเนินการได้ในส่วนของโครงการ สำคัญๆ โดยเฉพาะการสร้างฐานเศรษฐกิจชีวภาพ (ไบโออีโคโนมี) ที่จะส่งผลสำคัญต่อระดับราคาพืชผลทางการเกษตรในระยะต่อไป
รายงานข่าวเพิ่มเติมว่า กรอบงบประมาณโครงการเอสอีซีอยู่ในแผนการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้อย่างยั่งยืน (2562-2565) วงเงินกว่า 1.06 แสนล้านบาท เช่น การปรับปรุงท่าอากาศยานระนอง โครงการพัฒนาท่าเรือระนอง โครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวบนเกาะพยาม โครงการปรับปรุงท่าอากาศยานชุมพร เป็นต้น
